Latest Movie :

ชิงรักหักสวาท - ตอนที่ 2

ละครช่อง 8
ละครเรื่อง – ชิงรักหักสวาท


ชิงรักหักสวาท ตอนที่ 2
เรื่องย่อ . . .

ขณะที่แก้วพาคนไปบุกหอนางโลมจันทร์ฉาย พอดีกับที่ทาสคนหนึ่งของใต้หล้ากำลังนำของกำนัลจากแสนมาส่งให้บุหงา แต่ยังไม่ทันได้ส่งของ ทาสก็เห็นว่าหอนางโลมมีคนมาบุกทำร้าย ทาสจึงรีบกลับไปบอกแสน แสนตกใจรีบมาที่หอนางโลมจันทร์ฉายทันที แก้วและคนของแก้วไหวตัวทัน ก่อนที่แสนจะมาถึงก็เลยหนีไปได้อย่างหวุดหวิด แสนรู้สึกเป็นห่วงบุหงามาก รีบเข้าไปดูแลบุหงาทันที บุหงาได้ทีออดอ้อน ทำตัวให้น่าสงสารจนแสนตายใจและหลงเชื่อ บุหงาอ้อนต่ออยากให้แสนรับตนไปอยู่ที่ใต้หล้าด้วย แสนที่กำลังหลงบุหงาอยู่ก็ตัดสินใจรีบพาบุหงาไปอยู่ใต้หล้าด้วยกันทันที

พวงแก้วเจ็บใจยิ่งนักที่แผนการของเธอ ไม่ได้ทำให้คนของหอนางโลมกลัวและไม่กล้ายุ่งเกี่ยวกับแสน แต่กลับทำให้ “บุหงา” ได้เข้ามาอยู่ในใต้หล้าในฐานะเมียอีกคนของเจ้าสัวแสน

ซ้ำร้าย เจ้าสัวแสนยังหลงเสน่ห์บุหงามาก จนถึงกับให้ขึ้นมาอยู่บนเรือนใหญ่แทนพวงแก้ว และให้พวงแก้วย้ายไปอยู่ที่เรือนหลังเล็กแทน

กาลเวลาผ่านไป “บุหงา” ตั้งท้องลูกคนแรกของเธอและเจ้าสัวแสน ทำให้พวงแก้วหวั่นไหวเกรงว่าหากบุหงาคลอดลูกเป็นชาย  เจ้าสัวจะยิ่งให้ความสำคัญกับบุหงาจนเธอมิต้องถูกไล่ออกไปจากใต้หล้าหรอกหรือ


ชิงรักหักสวาท

ตอนที่ 2  :  ออกอากาศ - 3 กันยายน 2557





ชิงรักหักสวาทบทละคร

ชิงรักหักสวาท  เป็นละครโทรทัศน์ไทย แนวพีเรียด-ดราม่า

นำแสดงโดย                สมชาย เข็มกลัด, สุจิรา อรุณพิพัฒน์, ภัครมัย โปตระนันท์, สิทธา สภานุชาติ, กุลมาศ ลิมปวุฒิวรานนท์, ณปภัช วัฒนากมลวุฒิ และนักแสดงชั้นนำอีกมากมาย



                          ชาวบ้านร้านตลาดยืนมุงอยู่หน้าโรงน้ำชา หอนางโลม มีเสียงโครมครามจากในร้าน

       "อ๊าย พวกลื้อเป็นใคร" เสียงเว่ยชิงถาม
       " หล่อนนอนกับผัวใคร ห๊า" เสียงพวงแก้วคาดคั้น
       บริเวณหน้าโรงน้ำชา ทาสชายฉกรรจ์คนหนึ่งโพกผ้า ตัวใหญ่กำยำดูน่ากลัว ถือดาบอยู่หน้าโรงน้ำชา
       "ไม่ใช่เรื่องของพวกเอ็ง อย่าแส่"
       ไม่มีชาวบ้านคนไหนกล้าเข้าไปใกล้
       ทาสชายคนหนึ่งจากร้านเจ้าสัว แบกถุงกระดาษใส่ของเข้ามา ได้ยินเสียงโครมครามจากด้านในโรงน้ำชา
       "เกิดอะไรขึ้นเนี่ย"
       ทาสชายรีบเข้าไปดูแต่โดนชายฉกรรจ์ขวางและผลักจนล้มลง
       "ข้าบอกแล้วนะว่าอย่าแส่"  ทาสชายเงยหน้าขึ้น เมื่อชายฉกรรจ์เห็นจำได้ว่าเป็นทาสของร้านเจ้าสัว จึงรีบไล่เพราะกลัวเรื่องราวจะรู้ถึงหูเจ้าสัว
       "ไปๆ ไม่มีอะไรหรอก"
       ทาสชายรีบลุกพูดกับตัวเอง
       "กลับไปรายงานท่านเจ้าสัวดีกว่า"
       ทาสชายออกไป ชายฉกรรจ์มองตามอย่างกังวล รีบหันกลับไปมองด้านในด้วยความเป็นห่วงคุณพวงแก้ว
       ชาวบ้านอื้ออึงกันให้แซ่ด . . .ว่า เมียใครใจกล้าบุกมาถล่มโรงน้ำชาแห่งนี้
       
       พวงแก้วยังคลุมใบหน้ามิดชิด เธอบีบหน้าบุหงา มือข้างหนึ่งจรดมีดที่ใบหน้า ซึ่งตอนนี้บุหงาโดนยันติดผนัง
       "หล่อนนอนกับใครมา"
       บุหงาแทบหายใจไม่ออก
       "ตอบไม่ได้รึ หึ ! จริงสินะ หล่อนคงนอนมั่วจนนับไม่ถ้วนละสิ"
       บุหงากัดฟันตอบโต้ สะบัดตัวออก
       "นับถ้วนไม่ถ้วนไม่รู้ รู้แต่ผู้ชายทั้งพระนครก็เป็นผัวกูทั้งนั้น"
       พวงแก้วเดือดจัด ตบด้วยหลังมือจนบุหงาคว่ำลงกองกับพื้น
       
       บริเวณตึกแถวคูหาเดียวของเจ้าสัวแสน หน้าร้านมีกระบุง ยุ้งกระสอบข้าวเปลือก เมล็ดพืชต่างๆอาทิ ถั่ว บางกระสอบเป็นน้ำตาล เกลือ เจ้าสัวเดินตรวจร้านอย่างตั้งใจ เอาใจใส่ต่อร้าน
       "ท่านเจ้าสัวขอรับ เกิดเรื่องใหญ่แล้วขอรับ"
       ทาสชายหน้าตาตื่นวิ่งเข้ามา วางกระสอบลง เหนื่อยหอบ
       "อะไรวะ !ไอ้จุก ข้าวของที่ข้าให้เอ็งเอาไปให้โรงน้ำชานางเว่ยชิง ทำไมเอ็งไม่เอาไปให้ ห๊า"
       "บ่าวไปถึงหน้าโรงน้ำชาแล้วขอรับ แต่ด้านใน เหมือนจะมีใครบุกถล่ม เสียงโครมคราม เสียงนางคณิการ้องลั่นเลยขอรับ"
       "มันเป็นใคร บังอาจรังแกคนของข้า"
       เจ้าสัวแสนผละจากงาน จะรีบออกไปแต่ทาสชายกั้นไว้
       "ท่านเจ้าสัวขอรับ แต่พวกมันมีอาวุธด้วยนะขอรับ เกรงว่า..."
       " ข้าไม่กลัว ไม่มีใครกล้าทำร้ายเจ้าสัวแสนแห่งใต้หล้าหรอก"
       พูดจบแสนก็รีบร้อนออกจากร้านไปทันที ทาสชายคนเดิมวิ่งกระหืดกระหอบตามออกไป
       
       พวงแก้วนัยน์ตากร้าว สะใจที่ตบนางคณิกาจนล้มคว่ำไป
       "ข้าไม่อยากให้มือของข้าต้องแตะของชั้นต่ำ"
       เว่ยชิงที่ถูกลูกน้องพวงแก้วกระทืบจนเยิน กองอยู่กับเหล่านางโลมอีกมุมหนึ่ง เว่ยชิงกรีดร้อง
       "อีบ้า !!ลื้อเป็นใคร โพกผ้าหยั่งกะหมาลอบกัด ผัวลื้อไม่เอาลื้อใช่ไหม ลื้อถึงอารมณ์ค้างมาอาละวาดที่นี่"
       พวงแก้วหันขวับ โกรธจัด เอื้อยโกรธแทนนาย
       "อย่าใช้มือให้ระคายเลยเจ้าค่ะ...อย่างนางดอกท้อหอนางโลม มันต้องอย่างนี้"
       เอื้อยยันโครมด้วยเท้าที่หน้า เว่ยชิงหงายผลึ่งไปกองกับพื้นอีกครั้ง บุหงามีเลือดที่มุมปาก เงยหน้าขึ้นมาจ้องหน้าพวงแก้ว
       บุหงาถ่มเลือดทิ้ง
       "ถุย !ปิดผ้าซะมิดชิด นี่คงไม่กล้าสู้หน้าสินะ หรือที่ไม่กล้าเปิดหน้าเพราะอายที่ใช้ผัวคนเดียวกัน"
       "สารเลว !"
       พวงแก้วตบหน้าบุหงาอีกที แล้วจ่อมีดที่แก้มบุหงา อ่ำจับล็อกตัวบุหงาไม่ให้ดิ้น
       "ข้าอยากจะรู้นัก ถ้าหมดความสวย หล่อนจะมีหน้าไปยั่วผู้ชายที่ไหนได้อีก"
       พวงแก้วจะใช้ปลายมีดกดลงที่แก้ม บุหงาตาเหลือก
       ชายฉกรรจ์วิ่งเข้ามา
       "นายท่านมาขอรับ รีบไปเถอะขอรับ"
       พวงแก้วตกใจ ที่ได้ยินว่านายท่านมา บุหงามองพวงแก้ว อยากรู้ว่าว่านายเป็นใคร
       บุหงาพึมพำกับตัวเอง
       "นายท่าน"

       แก้วหันกลับมาจ่อมีดที่แก้ม อยากจะกรีดใจจะขาด สองคนมองหน้ากัน


เจ้าสัวแสนมาถึง แหวกชาวบ้านที่ออกันอยู่หน้าโรงน้ำชา
       
       "เฮ้ย นี่มันอะไรกัน"
       ชาวบ้านแหวกเป็นทาง แสนมองด้วยความงุนงง
       
       พวงแก้วกับบุหงายังมองจ้องฟาดฟันกัน อ่ำกับเอื้อยพอได้ยินว่าเจ้าสัวจะมาก็รีบเข้าไปหานายหญิงอย่างเป็นห่วง
       "รีบไปกันเถิดเจ้าคะ"
       "จะไม่ทันแล้วนะขอรับ ต้องไปกันแล้ว ไม่งั้นตายหมู่แน่"
       แก้วจึงตัดสินใจเอามีดออกจากหน้าบุหงา แล้วตบหน้าบุหงาล้มลง
       "ฝากไว้ก่อนเถอะ"
       "รีบออกทางด้านหลังเถอะขอรับ"
       กลุ่มชายฉกรรจ์รีบนำทางพาพวงแก้วออกทางด้านหลัง เว่ยชิงเห็นว่าพวกนี้กำลังหนีจึงรีบตะโกนด่าลั่น
       "หนีทำไม ไอ้พวกหมาลอบกัด แน่จริงอย่าหนีสิวะ"
       พวกพวงแก้วได้ออกไปแล้ว นางโลมจึงแย่งกันไปดูเว่ยชิงที่ร้องกรี๊ดๆ และไปดูบุหงาที่ล้มอยู่
       บุหงามองตามอย่างแค้นใจ
       
       เจ้าสัวแสนยืนอยู่กลางโรงน้ำชา เห็นสภาพข้าวของที่พังไปบางส่วน แสนเข้าไปดูบุหงา
       "เจ้า...เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง"
       "ไม่เท่าไหร่หรอกเจ้าค่ะ บุหงาทนได้"
       บุหงากรีดน้ำตา แล้วทำเป็นจะลุกขึ้นแต่ลุกไม่ไหว จนเจ้าสัวแสนต้องเข้าไปประคอง
       "ใครทำบุหงาดอกนี้ของข้าต้องเป็นรอย"
       "พวกมันปิดหน้ามิดชิดเลยเจ้าค่ะ เหลือแต่ลูกกะตา"
       "เจ้าแจ้งความนายกองตระเวนหรือยังเว่ยชิง"
       "จะแจ้งได้ยังไงล่ะเจ้าคะ อั๊วจดทะเบียนเป็นโรงน้ำชา เรื่องหยำฉ่าค้าดอกไม้นี้มิได้แจ้ง ขืนแจ้งอั๊วก็โดนเก็บเบี้ย เผลอๆถูกจับเข้าตะราง สภาพเยี่ยงนี้ จะเอาอัฐที่ไหนประกันตัวล่ะเจ้าคะ ค่าซ่อมร้านจะมีหรือเปล่าก็ไม่รู้"
       เว่ยชิงเลียบเคียง เสียงอ่อนเสียงหวาน พลางขยิบตาให้บุหงาช่วยอ้อน
       บุหงาแอบพยักหน้ารับลูก
       "บุหงาต้องขออภัยท่านเจ้าสัวนะเจ้าคะ วันนี้บุหงาคงให้ความสำราญกับท่านเจ้าสัวไม่ได้"
       "ข้ามิได้ติดใจเรื่องนั้น รักษาตัวเจ้าให้ดีก่อนเถอะ "
       "ขอบพระคุณท่านเจ้าสัวที่มีน้ำใจห่วงใย บุหงาจะเก็บความดีของท่านไว้ในใจ เพราะไม่รู้ว่าวันข้างหน้า บุหงาจะอยู่ให้ความสุขกับท่านเจ้าสัวได้อีกหรือไม่"
       บุหงาแสร้งดัดปลายเสียงสั่นเครือราวกับจะร้องไห้ ก่อนจะเดินเข้าไปด้านใน เว่ยชิงลอบยิ้มในมารยาของบุหงา เจ้าสัวแสนอึ้งไป
       เว่ยชิงรีบใส่ทันที
       "พวกอั๊วกลัวน่ะเจ้าค่ะ อัฐก็ไม่พอซ่อมร้าน มีหวังอั๊วคงต้องปิดโรงน้ำชาแห่งนี้เป็นแน่"
       เว่ยชิงก้มหน้างุดด้วยความเศร้า แต่แอบลอบชำเลืองดูปฏิกริยา นายแสนจึงหยิบอัฐจำนวนหนึ่ง
       ยื่นให้ เว่ยชิงยิ้มตาโต เจ้าสัวแสนรีบเดินออกตามไปหาบุหงาทันที
       
       บุหงาอยู่ในห้องนั่งร้องไห้ เจ้าสัวแสนเข้ามา บุหงากอดเจ้าสัวทำตัวสั่นด้วยมารยาหญิง
       "บุหงากลัว"
       "ไม่ต้องกลัว ข้าสัญญาว่าจะไม่มีใครมาทำร้ายเจ้าได้อีก"
       "บุหงาเกรงเหลือเกินเจ้าค่ะ บุหงามอบความสุขให้กับผู้คน แต่เหตุใดถึงมีคนไม่พอใจบุหงา ทำไมต้องทำร้ายบุหงาด้วย"
       "เจ้าไม่ต้องเกรงผู้ใด ข้าจะหาชายฉกรรจ์สักสองสามคนมาช่วยดูแลที่นี่"
       "แค่นั้นอาจไม่พอหรอกเจ้าค่ะ เขามิอาจตามบุหงาไปไหนต่อไหนได้"
       "แล้วเจ้าต้องการเยี่ยงไร"
       "หากอยู่พระนครแล้วชีวิตไม่ปลอดภัย บุหงาคงต้องกลับไปอยู่เมืองจีน"
       "พูดอะไรเช่นนั้น เจ้ากลับไปได้อย่างไร จะกลับไปทำไม"
       "ก็ในเมืองสยาม บุหงาไม่มีญาติสักคนให้พึ่งพิงนี่เจ้าคะ ชีวิตก็รู้จักแต่หอจันทร์ฉาย สำเพ็ง ตรอกจันทร์ นอกนั้นก็ไม่รู้จักใคร นอกจาก..."
       บุหงาทอดเสียง แอบชำเลืองมองเจ้าสัว รอจังหวะ
       "นอกจากใครรึ"
       "นอกจาก...ท่านเจ้าสัวคนเดียวเจ้าค่ะ"
       เจ้าสัวนิ่งไป สบตาบุหงา บุหงาหยอดมารยาไม้เด็ด
       "ท่านเจ้าสัวเจ้าคะ บุหงาอยากจะปรนนิบัติมอบความสุข แด่ท่านเจ้าสัวเป็นครั้งสุดท้าย"
       "บุหงาของข้า ทำไมพูดเยี่ยงนั้น"
       "เพราะบุหงาเกรงว่าอาจไม่มีโอกาสได้รับใช้ท่านเจ้าสัวอีก"
       บุหงายั่วยวนสำเร็จผลพาแสนไปที่เตียง มือบุหงาร่ายไปตามร่างกายเจ้าสัว แสนหลับตาพริ้ม เคลิ้มในรสสวาท
       "บุหงา ข้าจะไม่ปล่อยให้เจ้าไปไหน"
       บุหงา ยิ้มย่อง สมอารมณ์หมาย
       
       ภายในห้องนอนใหญ่ เอื้อยเช็ดมือให้พวงแก้ว ชำระล้างมือนายที่เพิ่งผ่านการต่อสู้ตาต่อตา ฟันต่อฟันกับบุหงามา แก้วยังคงนั่งนิ่งมองไปข้างหน้าด้วยความแค้น
       "นายท่านเจ้าขา เช็ดล้างมือให้สะอาดเอาคราบสกปรกของพวกมันออกไปนะเจ้าคะ"
       "ข้าเจ็บใจเหลือเกิน ท่านเจ้าสัวไม่น่ามาก่อนเลย"
       "ใช่เจ้าคะ กำลังเข้าด้ายเข้าเข็ม เอ..ว่าแต่ นี่ก็แสดงว่าท่านเจ้าสัวต้องติดใจที่นั่นเป็นแน่ ถึงได้มาอีกนะเจ้าคะ" เอื้อยนึกได้รีบปิดปาก
       "ข้าไม่มีวันยอมให้ท่านเจ้าสัวไปยุ่งกับอีนังหญิงนางโลมของชั้นต่ำอีกเป็นแน่"
       "เราบุกไปทำลายมันขนาดนั้น มันคงไม่กล้ายุ่งกับผัวชาวบ้านอีกสักพักเป็นแน่เจ้าคะ บ่าวว่าท่านเจ้าสัวไม่ติดใจนังดอกท้อนางโลมนั่นหรอกเจ้าคะ ดูคำพูดคำจาของมันก็ชั้นต่ำราวกับไพร่ เทียบอะไรไม่ได้กับคุณท่านของบ่าวเลย อย่างลืมสิเจ้าคะ คุณท่านไม่ควรลดตัวไปยุ่งกับคนชั้นต่ำพวกนั้น"
       พวงแก้วฟังแล้วค่อยใจชื้น
       "ขอบใจเอ็งมากที่อยู่เคียงข้างข้ามาตลอดนะนังเอื้อย เอ็งไปนอนเถิด ข้าจะอยู่รอท่านเจ้าสัว เดี๋ยวท่านเจ้าสัวก็คงกลับมา"
       "หวังว่าแผนไปทำลายถ้ำนางโลมของเราจะสำเร็จนะเจ้าคะ เอาให้นังดอกท้อนั่นไม่กล้ายุ่งกับท่านเจ้าสัวอีกเลย"
       

       เอื้อยค่อยๆ ออกไป ทิ้งพวงแก้วนั่งคิด ไม่รู้ว่าเจ้าสัวอยู่กับบุหงาหรือไม่ แต่ใจหวังว่าคืนนี้แสนจะกลับมา


       พระอาทิตย์ขึ้นแล้ว พวงแก้วยังนั่งอยู่ที่เตียง หน้าตาอยู่ในสภาพอดนอนมาทั้งคืนดูน่าสงสารมาก เสียงเคาะประตูดังขึ้น ก๊อกๆๆ
        
       เธอดีใจรีบลุกไปเปิดประตู ทันทีที่ประตูเปิดออก แก้วก็หน้าเปลี่ยนสีเพราะคนที่อยู่ตรงหน้ามิใช่แสนแต่เป็นเอื้อย
       "นังเอื้อย"
       เอื้อยไม่กล้าพูด
       "เออ.. บ่าวไพร่รายงานว่าท่านเจ้าสัวยังไม่กลับมาเรือนเลยตั้งแต่เมื่อคืน"
       พวงแก้วสะเทือนใจ
       "ใช่"
       แก้วกำมือแน่น แล้วตัดสินใจสั่งเอื้อย
       "นังเอื้อย ! สั่งไอ้อ่ำให้ไปดูท่านเจ้าสัวที่หอนางโลมให้ข้าเดี๋ยวนี้ ข้าอยากรู้ให้แน่ใจว่า ผัวข้านอกใจนอนที่นั่นทั้งคืนจริงหรือไม่ ไป"
       เอื้อยรับคำรีบออกไป แก้วหวั่นใจในชะตาของอาณาจักรใต้หล้า
       
       อ่ำค่อยๆย่องเข้ามาแอบมองอยู่มุมหนึ่งหน้าโรงน้ำชา อ่ำตกใจmujเห็นท่านเจ้าสัวคุยกับเว่ยชิง อย่างมีความสุข แสนลากลับขึ้นรถลาก
       "ท่านเจ้าสัว ! ต้องรีบไปบอกคุณท่าน"
       อ่ำรีบวิ่งออกไปทันที รถลากเจ้าสัวก็แล่นออกไปพร้อมกัน
       
       ในถนนน่านตรอกจันทร์ เจ้าสัวแสนนั่งรถลากคันหนึ่ง ชาวบ้านที่อยู่ข้างทางต่างมองรถคันนั้นเป็นตาเดียว บ้างเริ่มเมาท์กัน ขณะที่อ่ำรีบวิ่งลัดเลาะ แข่งกับรถลาก
       
       อ่ำมาถึงใต้หล้า บ่าวไพร่กำลังทำงานง่วน อ่ำต้องลัดเลาะผ่านบ่าวไพร่ที่บ้างแบกของ
       "เฮ้ย หลบหน่อย ข้ามีเรื่องด่วน"
       อ่ำผ่านเข้ามาถึงบริเวณลานครัว
       "ข้ามีเรื่องต้องแจ้งนายท่าน"
       ยิ่งอ่ำรีบ ยิ่งมีอุปสรรค คนนั้นขวาง คนนี้ขวาง
       
       ด้านหน้า ประตูใหญ่ของเรือนใต้หล้า แสนลงจากรถลาก ยื่นมือส่งให้ บุหงาในชุดสวยสีสดสะพรั่ง กางร่มเก๋ไกจับมือแสน ก่อนจะก้าวลงจากรถลาก
       
       อ่ำรีบวิ่งมาก เจียมซึ่งหันหลัง หมุนตัวมาจะวางกระจาดพริกตากแดดกับพื้น ชนกับอ่ำ จนพริกแห้งกระจายเกลื่อน
       "โว้ย ไอ้อ่ำ ไอ้ตีนหมา"
       "หลบไปนังเจียม ข้าไม่มีเวลาเถียงกับเอ็ง"
       "ไม่ได้ เอ็งต้องเก็บกวาดเม็ดพริก เอ็งวิ่งไม่ดูตาม้าตาเรือมาชนข้าทำไม"
       "ชนทำไมไม่รู้ แต่ชนแล้ว แค่นี้นะ ข้าไม่มีเวลา ข้ามีเรื่องจะเรียนนายท่าน"
       "เรื่องอะไร"
       "โว้ย ไม่ต้องรู้"
       อ่ำวิ่งออกไป เจียมไม่สนใจกระจาด อยากรู้อยากเห็นประสาคนชอบใส่รองเท้ายื่นไปหาชาวบ้าน
       "อีเจียมใส่เกือก เสือกอยากรู้ งั้นข้าไปด้วย"
       เจียมวิ่งตามอ่ำไป
       
       แสนจูงมือบุหงาเดินเข้ามาในใต้หล้า
       "นี่หรือคะอาณาจักรใต้หล้าของท่านเจ้าสัว"
       "ต่อไปนี้เจ้าจะใช้ชีวิตอยู่ที่นี่ มีอิสระ ไม่ต้องรับใช้ใคร นอกจากข้าคนเดียว"
       "บุหงาแทบรอปรนนิบัติท่านไม่ไหวแล้วเจ้าค่ะ"
       "งั้นขึ้นเรือนกันเถิด"
       บุหงาเดินนำขึ้นเรือน แสนชะงักนึกได้
       "เอ้อ รอประเดี๋ยว ข้าจะสั่งให้ทาสไพร่พวกนี้ขนย้ายสิ่งของของเจ้าไปเก็บก่อน"
       

       แสนหมุนตัวลงไปสั่งงานบ่าวไพร่ บุหงาไม่รอ ชะเง้อหน้ามองไปด้านบน ความอยากรู้ อยากเห็น อยากได้ อยากมี ทำให้บุหงาก้าวขึ้นเรือนไป


        พวงแก้วนอนกล่อมลูกกล้าซึ่งอยู่บนฟูก ทั้งแม่ลูกนอนเล่นอยู่บนตั่งใหญ่กลางศาลาใต้หล้า
       
       เอื้อยถือถาดอาหารเข้ามา
       "นายท่านเจ้าคะ"
       เอื้อยมองมา พลันตกใจ ทำถาดหล่น โครม !
       มุมหนึ่งทางด้านหลัง อ่ำและเจียมหน้าตื่นเข้ามา ต่างหยุด มอง อย่างตกใจ ด้านข้างหัวแก้วที่นอนอยู่ มีเท้าของบุหงาซึ่งไม่ถอดรองเท้า ยืนอยู่
       " โอ้ว ใต้หล้าของข้า"
       บุหงายืนค้ำหัวแก้วอยู่บนตั่ง ทั้งจงใจและไร้มารยาท พวงแก้วตาแข็ง ไม่พอใจ
       "หล่อน เป็น ใคร "
       แก้วเงยหน้าขึ้น เจอหน้าบุหงา แก้วแทบช็อก
       "อุ๊ยตาย !แล้วหล่อนล่ะเป็นใคร ข้าไม่ทันเห็นหัว เป็นเมียบ่าวรึ"
       เอื้อยปราดเข้ามา ผลักบุหงาเซไปจากตั่ง
       "นายท่านเป็นคุณผู้หญิงของบ้านนี้ แล้วหล่อน..."
       เอื้อยสบตานายหญิง ต่างจำได้ว่าบุหงาคือนางโลมที่ซ่อง
       "หล่อนมาที่นี่ทำไม"
       บุหงาเซไปชนกับแสนที่เข้ามาพอดี เจ้าสัวรับบุหงาไว้แนบอก ก่อนแนะนำ
       "นางชื่อบุหงา ข้ารับไว้มาอยู่ในใต้หล้าแห่งนี้"
       พวงแก้วมองด้วยความโกรธ
       "ท่านเจ้าสัว ท่านสัญญากับอิฉันแล้วว่าจะไม่มีนังเล็กๆ"
       "ข้าก็รักษาสัญญา บุหงาไม่ใช่นางเล็กๆ หล่อนเป็นเมียอีกคนของฉัน"
       "เมีย ? อีกคน !"
       "ใช่ เมีย เหมือนที่หล่อนเป็น"
       "ท่านเจ้าสัว"
       "ข้าก็มีเมียแต่งเป็นเจ้าคนเดียวไงเล่า ส่วนบุหงาก็แค่อีกคน หากแต่หล่อนมีลูกชายให้ข้าก็อีกเรื่องนึง"
       บุหงาตาลุกวาว รีบหาทางประจบเจ้าสัวด้วยการเอาตัวรอด
       "ฉันไหว้คุณแม่...อ่อ คุณพี่นะเจ้าคะ ฉันฝากเนื้อฝากตัวกับคุณพี่ด้วย อีกหน่อยเราร่วมชายคาเดียวกัน ก็เป็นครอบครัวเดียวกัน"
       "ข้าไม่เป็นครอบครัวเดียวกับหล่อน"
       "แม่แก้ว ! ประกาศิตข้า คำไหนคำนั้น ข้าตัดสินใจรับบุหงามาเป็นเมีย แม่แก้วต้องเคารพเชื่อฟังข้า และควรเมตตาให้เกียรติบุหงาด้วย"
       แก้วสงบนิ่ง กัดฟันพูดเยือกเย็น
       "หญิงคนนี้ หล่อนคงมีดี ไม่งั้นท่านเจ้าสัวไม่เมตตา อิฉันขออวยพรให้ท่านและเมียใหม่สำราญใจกันให้ตลอดรอดฝั่ง"
       " อันที่จริงข้าก็เกรงใจแม่แก้วนัก จึงได้จัดเรือนหลังเล็กไว้ให้บุหงาแล้ว ไปบุหงา ไปดูเรือนของเจ้า"
       เจ้าสัวแสนประคองบุหงาผ่านหน้าพวงแก้วไป
       กลิ่นน้ำอบจีนกรุ่นๆโชยผ่านจมูก พวงแก้วแทบทรงตัวไม่อยู่ เอื้อยเข้ามาประคอง
       "คุณแก้ว ! ไม่คิดเลยนะเจ้าคะที่เราไปจัดการมันเมื่อวานจะกลับกลายเป็นแบบนี้"
       แก้วกัดฟันกรอด
       "นี่ฉันทำให้มันเข้ามาเหยียบฉันถึงที่นี่เลยรึ นังช็อกการี"
       พวงแก้วตัวสั่นด้วยความโกรธจัด เอื้อยกลุ้มใจ อีกมุมหนึ่ง อ่ำตกใจมาก เจียมสีหน้ายิ้มย่องสนุกมีเรื่องเมาท์
       
       เจียมยืนอยู่กลางลานครัว กำลังฟุ้งฝอยเล่าเรื่องของแสน แก้วและบุหงาเป็นฉากๆ
       "หูย !เมียใหม่ของท่านเจ้าสัวสวยสะพรั่ง ปากแดงแป๊ด นางเข้ามาแทบจะเหยียบหัวนายท่าน หยั่งงี้เลย"
       เจียมทำท่าเลียนแบบ นางชื่น ทาสหญิงคนหนึ่ง นั่งกับทาสชาย ดูออกว่าเป็นผัวเมียกัน
       "ระริกระรี้เหลือเกินนะนังเจียม"
       "แหม อีชื่น ข้าละสั่นยังกับได้เป็นเมียของท่านเจ้าสัวเสียเอง แล้วท่านเจ้าสัวท่าทางจะเอ็นดูคุณบุหงาเมียใหม่ม๊ากมาก"
       นางฉวี ทาสหญิงอีกคนว่า
       "อีเจียม อีงูพิษ เอ็งเรียกเมียใหม่ของท่านเจ้าสัวว่าคุณเลยเรอะ"
       "คุณแก้วท่านเป็นนายของเรา ท่านเมตตาเรามาก เอ็งคิดจะแปรพักตร์เหรอ" อ่ำว่า
       "ก็ช่วยไม่ได้ ท่านเจ้าสัวน่าจะเห่อของใหม่ ดูท่านายท่านจะตกกระป๋องซะละมั้ง"
       เจียมหัวเราะลั่น บ่าวไพร่พากันระอา เอื้อยได้ยินเข้าพอดีก็เข้ามา
       "เมื่อกี๊เอ็งว่าไงนะนังเจียม"
       "ข้าก็ว่า นายท่านเป็นเมียเก่าตกกระป๋องไปแล้ว เพราะคุณบุหงาเข้ามาแทนที่น่ะสิ"
       โครม !! เอื้อยคว้าถาดฟาดลงหัวเจียมจนล้มคว่ำ
       "อีปากดี ตบให้เลือดชั่วออกจากปากเสียบ้าง"
       "หนอย อีนี่ เอ็งตบข้าเหรอ"
       เจียมไม่ยอมลุกขึ้น ตรงเข้ามากระชากเอื้อยมาตบ ทั้งสองคนตบกันจนล้มคว่ำ ผลัดกันขึ้นคร่อมอีกฝ่ายจิกหัวด่า
       "โอ๊ย อ๊าก นังกระโถน เอ็งอยากปากดีพูดจาให้ร้ายนายท่านทำไม"
       "โอ๊ย ก็เห็นอยู่ทนโท่ ท่านเจ้าสัวพาเมียใหม่เข้ามา คนเก่าก็ค้างอยู่บนหิ้ง อำนาจวาสนาก็จะค่อยๆหมดไป"
       เจียมผลักเอื้อยออกจากตัวได้ ก็ชี้หน้าเอื้อย พลางชี้กราดไปทุกคน
       "ข้าจะบอกให้รู้ไว้ พวกเอ็งก็ต้องเจียมกะลาหัวซะบ้าง ใต้หล้าแห่งนี้มีนายอีกคนแล้ว ถ้าใครอยากอยู่สุขอยู่เป็น ก็ต้องประจบให้ถูกคน"
       "นังอสรพิษ"
       เอื้อยปราดเข้าไปจะตบกันอีก อ่ำมาดึงเอื้อย ส่วนฉวีกับชื่นมาดึงเจียมไว้ เอื้อยและเจียมเงื้อง่าใส่กัน
       ทาสคนหนึ่งเข้ามา
       "พอได้แล้ว...ท่านเจ้าสัวเรียกเอ็งแน่ะ นังเจียม"
       "ท่านเจ้าสัวเรียกหาข้า หรือข้าจะได้เป็นเมียท่านอีกคน"
       เจียมจัดผมเผ้าที่กระเซิงคลุกฝุ่นคลุกใบไม้เพราะตบกันคว่ำเมื่อครู่ ก่อนจะระริกระรี้ออกไป
       เอื้อยเงื้อกะลาข้าวหมาเหวี่ยงตามหลังเจียม
       "อีเจียม อีนังไม่เจียม"
       

       เจียมหันกลับมาชี้นิ้วขู่แฟ่ดๆ ทำนองฝากไว้ก่อน


      เจียมหมอบอยู่ตรงหน้าบุหงาที่ไม่คุ้นกับการมีทาส ตื่นเต้น เท้าก็ไม่หุบเข้าไป เจียมแอบเบ้
       
       "นังเจียม"
       "เจ้าคะ"
       "ข้าจะให้หล่อนมาเป็นทาสรับใช้บุหงา"
       เจียมขมุบขมิบปากเล็กน้อย แต่เงยหน้าขึ้นยิ้มร่าประจบสอพลอ
       "ด้วยความยินดีเจ้าค่ะ อีเจียมพร้อมจะปรนนิบัติดูแลคุณบุหงาทุกอย่าง"
       "ต่อไปนี้เอ็งเป็นคนของข้าแต่เพียงผู้เดียว"
       "เจ้าค่ะ"
       "เอาล่ะ ให้ห้องครัวเตรียมสำรับคาวหวานพิเศษ บอกพวกมันทำเลี้ยงทาสไพร่ทุกคนในใต้หล้า ในวาระที่ข้าจะมีความสุขอีกครั้ง "
       "เจ้าค่ะ"
       เจียมรับคำ และยังหมอบอยู่ในห้อง เจ้าสัวแสนโน้มตัวเข้าหาบุหงา
       "นังนี่"
       "เจ้าคะ"
       "ออกไป" เจ้าสัวบอก
       "อ่อ... เจ้าค่ะ แหม่ บ่าวก็นึกว่านายท่านจะเรียกใช้อะไรอีก"
       เจียมคลานถอยหลังปราดๆ แล้วออกจากห้อง หับประตูเรียบร้อย
       แสนโน้มตัวเข้าหาบุหงาที่กำลังรอท่าอยู่
       
       คืนนั้น เรือนไทยใต้หล้าจุดคบไฟสว่างไสวราวกับมีงาน บุหงาเกาะแขนแสนออกมาจากในห้อง
       ที่มุมหนึ่ง วงปี่พาทย์ชุดใหญ่นั่งอยู่ รอ
       "วงปี่พาทย์มาจากไหน" เจ้าสัวถาม
       "อิฉันจัดหามาให้เองค่ะ เพื่อเป็นการต้อนรับแม่บุหงา" พวงแก้วบอก
       "ขอบใจมากนะแม่แก้ว หล่อนเข้าใจฉันและเปิดใจกว้างแบบนี้ ฉันก็มีความสุข"
       "อิฉันขอเชิญแม่บุหงานั่งฟังปี่พาทย์ด้านหน้าเพื่อเป็นเกียรตินะเจ้าคะ"
       แสนพยักหน้ายิ้มให้บุหงา ก่อนเดินไปนั่งที่ศาลา บุหงาไม่แน่ใจว่า พวงแก้วมาดีจริงหรือไม่ แต่ต้องไปนั่งหน้าวงปี่พาทย์
       พวงแก้วพยักหน้ายิ้มอ่อนโยนให้วงปี่พาทย์
       วงปี่พาทย์มองหน้ากัน จำต้องเล่น เพลงขึ้นเป็นเพลงที่ใช้ในงานศพ แต่แสนและบุหงายังไม่ค่อยรู้ตัว
       สีหน้าทาสที่หมอบอยู่รายรอบดูกระอักกระอ่วน เพราะเหล่าทาสล้วนเป็นคนไทย ชินหูกับเพลงประเภทนี้
       เอื้อย ยิ้มเยาะ
       "เพลงนี้"
       สีหน้าเจียมและแสน เริ่มคุ้นหู
       "นี่มัน"
       พวงแก้วยิ้มเยาะ มองหน้าบุหงา ซึ่งเริ่มจะฟังออกและรู้ตัวแล้ว รีบถลาไปซบเจ้าสัว
       "ท่านเจ้าสัว"
       เสียงเจียมทะลึ่งดังขึ้นมา ร้อนรนรายงานบุหงา
       "นี่มันเพลงประจำบ้าน เพลงงานศพ วงปี่พาทย์เล่นให้คุณบุหงาเจ้าค่ะ"
       "แอร๊ย !อีนี่"
       บุหงาผลักหน้าเจียมไม่อยากฟัง เจียมงง หน้าซื่อรายงานแล้วแท้ๆ
       เจ้าสัวแสนคว้าขันน้ำ เขวี้ยงไปทางวงเครื่องดนตรี วงปี่พาทย์หยุดเล่น วงแตก
       "พวกเอ็งมาจากไหน กลับไปทางนั้น ไป!"
       
       เจียมขว้างของไล่ส่งพวกปี่พาทย์ที่ขนเครื่องดนตรีวิ่งลงเรือนไปแล้ว
       "ไป๊ ! อีพวกบ้า นายกูยังไม่ตาย"
       พวงแก้วยืนหัวเราะเบาๆ มีความสุขเหลือคณา
       "แม่แก้ว"
       "ไล่ไปทำไมละคะท่านเจ้าสัว แม่บุหงาเพิ่งมาวันแรก ตามธรรมเนียมก็ต้องเล่นเพลงให้เกียรติ"
       "แต่นี่มันเพลงงานอวมงคล"
       แสนตวาด ชี้หน้าพวงแก้ว หล่อนเชิดหน้า เกรงใจเจ้าสัวก็จริงแต่เจ็บปวดใจมากกว่า มองบุหงาอย่างรังเกียจ
       "หรือไม่ใช่ล่ะเจ้าคะ ในเมื่อมีสิ่งอัปมงคลเข้ามาในใต้หล้า"
       "แม่แก้ว !"
       แสนตบหน้าrพวงแก้วฉาด แก้วล้มลงกองกับพื้น เอื้อยรีบถลาไปประคอง
       "นายท่าน"
       "มันจะเกินไปแล้วนะแม่แก้ว หล่อนหยามแม่บุหงาก็เท่ากับหล่อนหยามข้าด้วย"
       "ท่านเจ้าสัวเคยให้คำมั่นกับอิฉันไว้เมื่อตอนแต่งงานว่าท่านจะไม่มีหญิงอื่นใด บัดนี้เจ้าสัวตระบัดสัตย์ พาหญิงชั้นต่ำจากสำนักนางโลมมาเป็นเมีย แบบนี้ไม่หยามอิฉันหรือเจ้าคะ"
       "ในชายคาใต้หล้า ข้าจะทำอะไรก็ได้ แต่หากหล่อนอึดอัดคับข้องนักล่ะก็..."
       "ท่านเจ้าสัวเจ้าคะ อย่าไล่คุณพี่ออกไปจากใต้หล้าเลยเจ้าค่ะ"
       พวงแก้วมองหน้า บุหงาแอบยิ้มเยาะใส่พวงแก้วลับหลังเจ้าสัว
       "ถ้าหล่อนรับไม่ได้ ก็ย้ายไปอยู่เรือนเล็ก"
       "ท่านเจ้าสัว !"
       บุหงาออเซาะและเสี้ยมทันที
       "คุณพี่ไปอยู่เรือนเล็กแล้วบุหงาจะไปอยู่ที่ไหนล่ะเจ้าคะ"
       "หล่อนย้ายมาอยู่เรือนใหญ่กับข้า"
       บุหงาดีใจ
       "เจ้าคะ"
       

       พวงแก้วกำมือแน่น มองเจ้าสัวและบุหงาด้วยความเจ็บปวด ลุกขึ้น เชิดหน้า กลั้นน้ำตาไม่ให้ไหล ไม่ให้ใครเห็น เดินผ่านหน้าเจ้าสัว เฉียดไหล่บุหงา ออกไปจากเรือน เอื้อยมองหน้านางทาสเจียม ชี้หน้ากันไว้ก่อน


        กลางคืน ภายในห้องนอนใหญ่ เจ้าสัวแสนนัวเนียอยู่ที่ไหล่ของบุหงา ประมาณว่า อยากจะสำราญเสียเต็มประดา
        
       ฝ่ายบุหงาเพิ่งย้ายห้องใหม่ ยังตะลึงกับห้องที่กว้างใหญ่ เตียงใหญ่ของแก้ว กวาดตามอง พบโต๊ะเครื่องแป้งที่ยังมีน้ำอบน้ำปรุง และหีบผ้าของแก้วอยู่
       "โต๊ะเครื่องแป้งของคุณพี่ หีบผ้านั่นก็ยังอยู่"
       "พรุ่งนี้ข้าจะให้บ่าวไพร่ขนออกไปให้หมดนะแม่บุหงา"
       "บุหงาไม่ว่าอะไรหรอกเจ้าค่ะ แค่ท่านเจ้าสัวเมตตาบุหงา ก็ไม่รู้จะตอบแทนท่านเจ้าสัวได้เยี่ยงไร"
       "มีลูกชายให้ข้า"
       "เจ้าค่ะ บุหงาจะมีลูกชายให้ท่าน ขอเพียงท่านใส่ใจบุหงา อยู่กับบุหงาไม่ห่างไปไหนทุกค่ำคืน"
       บุหงาสบตาหยาดเยิ้ม แสนจับไหล่บุหงาลงกับเตียง แนบหน้าลงไปซุกไซ้คอของหล่อน
       
       วันใหม่ เว่ยชิงวางขวดน้ำยาลงตรงหน้าบุหงา
       "น้ำยาสวาท ผสมน้ำให้ท่านเจ้าสัวดื่ม รับรองว่าเจ้าต้องปรนเปรอสวาทท่านเจ้าสัว 3 วัน 3 คืนไม่ได้หยุดหย่อน"
       "ฟ้าเหลืองพอดีเจ้าค่ะ" เจียมบอก
       "หุบปาก นังเจียม !"
       บุหงาหยิบหน้ายามามอง
       "ลื้อต้องทำให้สำเร็จนะบุหงา ในเมื่อชะตาลิขิตว่าบุตรชายคนแรกของท่านเจ้าสัวจะนำเรื่องอัปยศมาสู่วงศ์ตระกูล เจ้าจะต้องมีบุตรชายอีกคนที่จะนำมาความรุ่งเรืองมาให้ท่านเจ้าสัวให้ได้"
       "ถ้าข้าได้บุตรชาย ข้าจะเป็นใหญ่ในใต้หล้า นังเมียผู้ดีนั่นต้องอยู่ใต้อุ้งเท้าข้า"
       บุหงามองที่ขวดน้ำยา สายตาเต็มไปด้วยความมุ่งมั่น
       
       เวลาต่อมา บุหงาเทน้ำยาลงใส่ขวดน้ำจัณฑ์ แล้วยิ้มย่อง ยกถาดน้ำจัณฑ์เข้ามา ขณะที่เจ้าสัวนั่งทานสำรับอยู่กับพวงแก้ว
       "ท่านเจ้าสัวเจ้าคะ น้ำจัณฑ์เจ้าค่ะ เพื่อความสุนทรีย์ อ้อ บุหงามีน้ำชาจีนสำหรับคุณพี่แก้วด้วยเจ้าค่ะ"
       บุหงาส่งถ้วยน้ำชาให้ แต่พวงแก้วไม่รับ เมินหน้าไป
       "ไม่รับไว้หน่อยล่ะแม่แก้ว"
       "อิฉันอิ่มแล้วเจ้าค่ะ เห็นจะรับของคาวของหวานไม่ไหว"
       "ถ้าอย่างนั้นก็เชิญคุณพี่กลับเรือนเล็กไปกล่อมลูกเถิดค่ะ เมื่อกี๊บุหงาได้ยินเสียงคุณหนูกล้าร้องไห้แว่วๆ"
       "ลูกร้องหรือ ? หล่อนรีบไปดูลูกสิ แม่แก้ว"
       พวงแก้วมองหน้าบุหงารู้ว่ากันท่า แต่จำใจยอมเพราะรำคาญ ไม่อยากเห็นภาพบาดตา บุหงาเบียดเข้าหาเจ้าสัวแสน จะป้อนน้ำจัณฑ์
       "ท่านเจ้าสัวเจ้าคะ ให้บุหงาปรนนิบัตินะเจ้าคะ"
       " เยี่ยงนั้น อิฉันไปดูลูกก่อนนะเจ้าคะท่านเจ้าสัว...หากท่านจะตามมา"
       เจ้าสัวไม่สนใจแก้วเพราะรับน้ำจัณฑ์ที่บุหงาป้อนถึงปาก
       "ดื่มให้หมดนะเจ้าคะ ท่านเจ้าสัว"
       บุหงามองเจ้าสัวดื่มอั้กๆ บุหงาครึ้มใจ บุหงาชำเลืองเยาะแก้ว แก้วจำใจเดินออกมา
       
       พวงแก้วเดินอุ้มลูกชายผ่านมาที่ศาลากลางเรือนไทยใต้หล้า เห็นเจียมนั่งอยู่หน้าห้อง
       "ไม่เห็นวี่แววท่านเจ้าสัวเลยนะเจ้าค่ะนายท่าน" เอื้อยว่า
       "พ่อลูกไม่พบหน้ากันหลายวันแล้ว"
       เจียมได้ยินเข้า ทำเป็นพูดลอยๆ แต่ข่มทั้งนายทั้งบ่าว
       "สงส๊าร สงสารคุณบุหงานะเจ้าคะนายท่าน ท่านเจ้าสัวหมกอยู่กับคุณบุหงาหลายวันแล้วก็ยังไม่ออกมา ไม่รู้ติดใจอะไรนักหนา"
       เสียงหัวเราะคิกคักของบุหงาดังออกมา เสียงแสนร้องเรียก
       "โอว บุหงาของข้า มามะ"
       "วุ้ย ท่านเจ้าสัวเอาอีกแล้วหรือเจ้าคะ"
       ทางด้านนอก เจียมเงี่ยหูแนบประตู
       "เสียงเสน่หามันเป็นอย่างนี้เองรึ วุ้ย"
       "ทุเรศ" พวงแก้วบอก
       พวงแก้วรีบเดินออกไปด้วยความเจ็บปวด เอื้อยรีบตามไปปลอบด้วยความเป็นห่วง
       
       หลายเดือนผ่านไป บัดนี้ กล้าอายุได้ 9 ขวบ แก้วอุ้มกล้า เดินออกมาจากเรือนใหญ่ สภาพของพวงแก้วตอนนี้ดูโทรมๆ หมองๆ
       "ตากล้าของแม่ ลูกต้องเป็นคนดี เป็นเกียรติเป็นศรี นำชื่อเสียงมาให้ตระกูลนะลูก"
       พวงแก้วปาดน้ำตา มองไปทางเรือนใหญ่ เจ้าสัวประคองบุหงามาที่ระเบียง ชี้ชวนกันดูนกดูไม้
       "หลายเดือนมานี้ท่านเจ้าสัวช่างใจดำ ไม่เหลียวแลคุณแก้วบ้างเลย" เอื้อยว่า
       "ข้ารู้ดี เอ็งไม่ต้องย้ำ"
       "บ่าวขอโทษเจ้าค่ะ บ่าวแค่เป็นห่วงนายท่าน อีนังบุหงาโสโครกก็ช่าง..."
       "มันจะไม่มีทางได้สมหวัง"
       

       พวงแก้วกัดฟัน มองไปทางเรือนใหญ่ เอื้อยมองตาม เห็นเจ้าสัวโอบบุหงา แล้วก้มลงมองที่ท้อง


       เจ้าสัวแสนเดินตรงมาที่พวงแก้วที่อุ้มกล้าอยู่ สัวเดินยิ้มมา แต่แก้วหน้าอมทุกข์ ก่อนเริ่มมีแววตาเป็นประกายเมื่อสามีเดินมาหา
       
       "คุณท่านเจ้าขา ท่านเจ้าสัวมาหาแล้วเจ้าคะ ดูซิเจ้าคะ หน้ายิ้มมาเชียว บ่าวว่าท่านคงเหม็นหน้านังโสโครกนั่นเป็นแน่แล้ว"
       พวงแก้วยิ้มดีใจ ปากแทบฉีก
       "เอ็งไปเอาน้ำดอกอัญชันที่ข้าเตรียมไว้มาให้ท่านเจ้าสัวที ข้าจะต้องเอาใจท่านสักหน่อย"
       เอื้อยยิ้มดีใจรีบออกไป เจ้าสัวเดินเข้ามาอย่างอารมณ์ดี
       "ข้านึกถึงแม่แก้วนักจึงต้องรีบมาหา"
       พวงก้วแอบดีใจ แต่ทำงอน
       "ท่านเจ้าสัวนึกถึงอิฉันเป็นด้วยหรือเจ้าคะ มิใช่อยู่กับแม่บุหงาจนลืมเดือนลืมตะวัน"
       แสนเอาใจ
       "แม่แก้ว ข้ารักและคิดถึงแม่แก้วเสมอ ข้าก็อยู่กับแม่แก้วมาเนิ่นนาน ถ้าไม่รักแม่แก้วจะเป็นไปได้อย่างไร"
       พวงแก้วดีใจ มีความสุข
       "ลูกกล้ารอท่านพ่อทุกวัน อยากให้มาหา ดูแกสิเจ้าคะ ยิ้มดีใจใหญ่เชียว"
       "ที่ตากล้ายิ้มดีใจเพราะจะได้ฟังข่าวดีนะสิ"
       "ข่าวดีอะไรเจ้าคะ"
       "ต่อไปใต้หล้าจะไม่ได้มีแค่ตากล้าแล้ว"
       พวงแก้วสงสัย
       "หมายความว่าอย่างไรเจ้าคะ นี่..."
       "ฟังดีๆนะ แม่บุหงากำลังจะมีทายาทให้ข้า แม่แก้ว มันเป็นข่าวดีจริงๆ แม่แก้วดีใจกับข้าหน่อย ใต้หล้าจะได้มีทายาทเพิ่มมาอีกคนแล้ว ตากล้าจะมีน้องแล้ว"
       พวงแก้วอึ้งเหมือนโดนตบที่บ้องหู หูดับชั่วขณะ มือสั่นเทา ตากล้าที่อุ้มอยู่แทบจะหลุดมือแต่ต้องยืนขาแข็งไว้
       "อิฉันดีใจกับท่านเจ้าสัวด้วยเจ้าคะ ที่ท่านเจ้าสัวมาหาอิฉันเพียงเพราะจะบอกเรื่องนี้ใช่ไหมเจ้าคะ"
       "ใช่ ยังไงฉันฝากแม่แก้วช่วยดูแลบุหงาด้วย พวกยาบำรุงครรภ์ก็ข่วยจัดสรรให้นาง อีกทั้งสำรับอาหาร ถ้าแม่แก้วลงมือทำได้ก็ทำให้นางทานบำรุงหน่อยละกันนะ"
       พวงแก้วเสียงสั่น
       "เจ้าคะ"
       "ขอบใจแม่แก้วมาก"
       เมื่อแสนพูดจบก็ออกไป เอื้อยถือน้ำอัญชันใส่สำรับอย่างดีเข้ามาพอดี มองงงที่ท่านเจ้าสัวเดินลับไป และหันมาเห็นนายตัวสั่นร้องไห้ พวงแก้วที่ช็อกอยู่จวนจะล้มทั้งยืน เอื้อยรีบเข้าไปประคองทั้งแก้วและกล้าไว้
       "คุณท่าน ! ระวังเจ้าคะ เกิดอะไรขึ้นเจ้าคะ"
       "นังเอื้อย ข้าเจ็บเหลือเกิน ฮือ..ฮือ.. ท่านเจ้าสัว..ท่านเจ้าสัวมีลูกกับนังบุหงาแล้ว"
       พวงแก้วร้องไห้ไม่หยุด เอื้อยช็อก!
       "ห๊า!"
       เอื้อยพูดจบ กล้าแผดเสียงร้องดัง ราวกับอยากจะตอบรับว่าไม่อยากมีน้อง พวงแก้วเสียใจมองลูก
       "ขนาดนางยังไม่มีลูกให้ท่านเจ้าสัว ข้ายังถูกไล่มาอยู่เรือนเล็ก ถ้านางมีลูกชายให้ท่านเจ้าสัวได้ ข้ามิต้องออกไปจากใต้หล้าหรือ"
       "โถ... คุณแก้วของบ่าว"
       เอื้อยสลดสงสารแก้วนัก แก้วค่อยๆนั่งกอดลูกร้องไห้เสียใจกับชะตาตนเอง
       
       ผ่านเวลา เจ้าสัวแสนก้มลงมองที่ท้อง 8 เดือนของบุหงา พลางยื่นมือไปลูบ
       "เมื่อคืนบุหงาฝันดีมากๆเลยค่ะ ฝันเห็นเด็กผู้ชายน่าตาน่าชังหอบเอาแก้วแหวนเงินทองมาให้ เด็กคนนั้นเรียกบุหงาว่าแม่ บอกว่าลูกรักแม่ รักท่านเจ้าสัว"
       "ลูกข้าคนนี้ต้องเป็นผู้ชายแน่นอน และจะความเจริญมาสู่ข้า"
       "บุหงาดีใจที่ทำให้ท่านเจ้าสัวสมหวัง"
       แสนลูบท้องบุหงา
       "ลูกข้าคนนี้ต้องเป็นลูกชาย"
       ทั้งแสนและบุหงาต่างลูบท้องดีใจมีความสุข
       
       เวลาเดียวกัน ฝ่ายเมียหลวงกลับสีหน้าอมทุกข์อยู่หน้ากระจกเงาในเรือนเล็ก พวงแก้วมองผ่านกระจก
       เห็นกล้านอนอยู่บนเตียง เอื้อยเข้ามาพร้อมกับถาดของหอม น้ำอบน้ำปรุง แป้งร่ำ ชาดทาปากสีแดง เครื่องประทินผิวทั้งปวง
       "นี่อะไรนังเอื้อย"
       "นายท่านเจ้าขา อย่าหาว่าบ่าวกำเริบเลยนะเจ้าคะ แต่หากนายท่านปล่อยเนื้อปล่อยตัวเช่นนี้ ไหนเลยจะดึงท่านเจ้าสัวกลับมาได้"
       "ท่านเจ้าสัวหลงนังช็อกการีนั่นจนโงหัวไม่ขึ้น เจ้าจะให้ข้าทำเช่นใด"
       แก้วมองเอื้อยอย่างสงสัย
       
       แก้วนั่งนิ่งไหล่เปลือย เอื้อยขัดถูหลังให้นายหญิง ตักน้ำที่มีดอกไม้หอมรดราดให้ที่ไหล่
       "โบราณว่า ปลาไหลลงรู วัวเพศผู้หลงกลิ่นวัวสาว หมู่ภมรร่อนลงกำซาบน้ำหวานดอกไม้ฉันใด เมื่อสามีเลี่ยงจากภรรยาไปหาหญิงนางโลมนอกบ้าน จำเราต้องเป็นนางโลมในบ้านรั้งไว้ให้ได้"
       พวงแก้ว หน้านิ่ง เย็น ก้าวไปสู่ความสาวและสวยงามขึ้นกว่าเดิม
       
       สีหน้าแก้วผ่านกระจกดูผ่องขึ้น เอื้อยยื่นตลับสีแดงชาดส่งให้แก้ว
       "สีปากแดงชาด เอ็งจะให้ข้าแต่งหน้าทาปากราวกับเป็นหญิงนางโลมเยี่ยงนั้นรึ"
       "มิได้เจ้าค่ะ นายท่านของบ่าวสวยงามตามแบบฉบับผู้ดี หากประทินผิวปรุงโฉมโนมเนื้อ ไหนเลยท่านเจ้าสัวจะไม่เหลียวแล ยิ่งตอนนี้แม่บุหงา..."
       

       เอื้อยพูดค้างคา แก้วเข้าใจ ยิ้มเย็น หยิบสีปากแดงมาแตะแต้มปาก จนปากเป็นสีแดง หน้าผ่อง สวยขึ้นทันที


        บุหงาท้องโตเดินอุ้ยอ้าย หงุดหงิด เดินไปไหนต้องยันเอวเพราะปวดหลัง
       
       "โอ๊ย ทำไมมันลำบากอย่างนี้ นังเจียมๆ ไปไหน ข้าเมื่อย"
       เจ้าสัวแสนนั่งดีดลูกคิดอยู่ เริ่มรำคาญ
       "แม่บุหงา หล่อนช่วยเบาเสียงหน่อยได้ไหม ข้ากำลังทำงาน"
       "ก็บุหงาปวดหลังนี่เจ้าคะ โอ๊ย บุหงาเมื่อย นี่ก็ไม่ได้ไปไหนหลายวันแล้ว บุหงาอยากไปซื้อของที่ตรอกจันทร์"
       "ข้าว่าไม่ต้องไปหรอก อยู่เรือน ข้าไม่อยากให้ลูกชายข้าต้องกระทบกระเทือน นี่ก็ใกล้คลอดแล้ว"
       "แต่บุหงาอยากไปตรอกจันทร์ ท่านเจ้าสัวต้องพาบุหงาไปนะเจ้าคะ"
       เจ้าสัวแสนเริ่มรำคาญ พวงแก้วงามผุดผาดด้วยการแต่งแต้มเดินเข้ามา พูดเสียงเย็นใส่สามี
       "ท่านเจ้าสัวเจ้าคะ"
       "แม่แก้ว"
       เจ้าสัวเห็นความสวยงามเปล่งปลั่งมีน้ำมีนวล ต่างจากบุหงาที่ดูแล้วหงุดหงิด เหงื่อผุดหน้าผาก
       ผมรุ่ยร่ายทรุดโทรม หน้าตาบึ้งตึงไม่เอาอ่าว
       "ฉันกำลังนึกถึงแม่แก้วอยู่พอดี"
       "ท่านเจ้าสัว !"
       บุหงาหวีดร้องขึ้น พวงแก้วยิ้มให้เจ้าสัวแสน ไม่ใส่ใจบุหงา
       "อิฉันก็คิดถึงท่านเจ้าสัวเจ้าค่ะ อิฉันทำข้าวแช่ไว้ ขอเชิญท่านเจ้าสัวไปชิมให้เย็นใจ"
       พวงแก้วเข้ามาใกล้ มือไม้แตะเบาๆที่แขนเจ้าสัว เนื้อแนบมาใกล้
       "อิฉันมีเรื่องจะเรียนปรึกษาท่านเจ้าสัวด้วยเจ้าค่ะ"
       แสนได้กลิ่นหอมอ่อนๆจากแก้ว รู้สึกชื่นใจขึ้น ยิ้ม สบตาแก้ว
       "คุณพี่มีเรื่องอะไรก็พูดมาตรงนี้ ไม่เห็นต้องตามเจ้าสัวไปที่เรือนเล็ก"
       "เรื่องจะพูด เป็นการเฉพาะส่วนตัวสองคนเจ้าค่ะ คนอื่นไม่เกี่ยว"
       แก้วยิ้มอ่อนหวาน เดินออกไป แสนตื่นเต้นกับกิริยาชะม้อยชะม้ายของแก้ว บุหงาร้องเสียงดัง
       "ท่านเจ้าสัว "
       แสนสีหน้ารำคาญมาก ลุกออกไป
       "ท่านเจ้าสัว"


       เงามืดที่เรือน พวงแก้วและแสนเอนตัวอยู่ด้วยกัน บุหงาเดินมาแอบดูด้วยความแค้นใจ มองไปที่ท้องตัวเอง
       "ฉันจะต้องมีลูกชายให้ท่านเจ้าสัวให้ได้"
       
       เอื้อยอุ้มกล้ามาส่งให้พวงแก้วที่แต่งกายสวยงามในชุดเดินทาง
       "ข้าฝากตากล้าด้วยนะนังเอื้อย"
       "ไม่ต้องห่วงเจ้าค่ะ เที่ยวอยุธยาให้สำราญนะเจ้าคะ"
       พวงแก้วยิ้มๆ ได้ยินเสียงหวีดร้องของบุหงาดังลั่นมาจากเรือนใหญ่
       "ท่านเจ้าสัวจะไปไหนเจ้าคะ บุหงาไปด้วย"
       แสนในชุดเดินทางลงจากเรือน บุหงาเดินอุ้ยอ้ายตามมา
       "นี่ธุระของข้า ไม่เกี่ยวกับเจ้า อ้าว แม่แก้ว พร้อมแล้วรึ"
       บุหงาเห็นแก้วในชุดเดินทาง มีบ่าวไพร่เตรียมหีบเดินทางหลายใบ
       "พร้อมแล้วเจ้าค่ะ"
       "ทำไมคุณพี่ได้ไป บุหงาต้องไปด้วย"
       "ข้าไปธุระค้าขายที่อยุธยา ลำบากลำบน หล่อนอยู่สบายๆ ดูแลลูกในท้องหล่อนที่เรือนนี่แหละ" พวงแก้วบอก
       "งั้นคุณพี่ก็ไปคนเดียว บุหงาไม่ให้ท่านเจ้าสัวไป"
       "นี่มันกิจการของข้านะแม่บุหงา" เจ้าสัวบอก
       "ท่านซินแสเทียนแจ้งว่าบุหงาใกล้จะคลอดแล้ว บุหงาไม่อยากให้ท่านเจ้าสัวไปไหน ลูกชายของท่านเจ้าสัวอยากเห็นท่านเจ้าสัวเป็นคนแรกนะเจ้าคะ"
       "กำหนดคลอดของหล่อนราวเดือนหน้ามิใช่รึ แล้วแน่ใจได้เยี่ยงไรว่าจะเป็นลูกชาย" พวงแก้วบว่า
       "ไม่รู้ล่ะ บุหงาไม่ให้ท่านเจ้าสัวไป ท่านเจ้าสัวต้องอยู่กับบุหงานะเจ้าคะ"
       "เงียบนะบุหงา ! พูดให้รู้ความ เจ้าจงอยู่เรือน รักษาตัวเพื่อลูกข้า"
       "หากท่านเจ้าสัวไป บุหงาก็จะไปด้วย"
       บุหงาฮึดฮัด เดินเหินไม่สะดวก ตวาดเสียงดังอีก
       "นังเจียม อ๊าย นังเจียมไปไหน มาช่วยข้า ข้าจะไปกับเจ้าสัว"
       "ว้าย คุณบุหงาเจ้าขา เบาๆเจ้าค่ะ เดี๋ยวคุณหนูกระเทือน"
       "ข้าจะไปกับท่านเจ้าสัว เอ็งไปเตรียมข้าวของให้ข้า"
       แสนรำคาญ เสียงดัง
       "หยุดเดี๋ยวนี้บุหงา ข้าสั่งให้เจ้าอยู่เรือน ห้ามออกไปไหนเด็ดขาด"
       แสนเดินออกไปด้วยความรำคาญ แก้วยิ้มกริ่ม เดินมาใกล้บุหงา พลางเยาะเย้ย
       "ไม่ต้องห่วง ข้าจะเที่ยวสำราญ หาความสุขกับท่านเจ้าสัวให้หนำใจเชียว"
       แสนส่งมือให้ พวงแก้วยิ้มอ่อนหวานให้เจ้าสัว ทั้งคู่ขึ้นไปนั่งบนรถลาก
       บนรถลาก พวงแก้วดูสวยสง่า เจ้าสัวดูภาคภูมิใจ
       "อ๊ายย !ท่านเจ้าสัว บุหงาไม่ยอม บุหงาจะไปด้วย"
       เจียมเบือนหน้าหนี ปวดหูกับเสียงหวีดร้องของบุหงา เอื้อยมองนายบ่าวคู่นี้แล้วหัวเราะเยาะ
       
       เวลากลางคืน ในเรือนใหญ่
       "โอ๊ย เพราะไอ้ท้องโตบ้าๆนี่ ข้าไปไหนกับเจ้าสัวไม่ได้"
       "คุณบุหงาเจ้าคะ ใจเย็นๆเจ้าค่ะ โมโหหน้าเบ้ไม่ดีต่อคุณหนูในท้องนะเจ้าคะ" เจียมว่า
       "ก็เมื่อไหร่มันจะออกมาซะทีเล่า ออกมา ข้ารำคาญจะแย่แล้ว"
       บุหงาทุบตีท้องตัวเอง
       "เจ้าต้องเป็นลูกชาย รีบๆออกมา ข้าจะได้ครองใต้หล้า เจ้าต้องเป็นลูกชายได้ยินมั้ย ออกมาซะที โอ๊ย"
       บุหงาทุบตีท้อง แล้วสักพักเริ่มจุกเสียด
       "คุณบุหงา เป็นอะไรหรือเจ้าคะ เจ็บตรงไหนหรือเจ้าคะ"
       "ลูกข้าดิ้น...โอ๊ย เจ็บ จะถีบกูทำไม โอ๊ย"
       "คุณบุหงา"
       เจียมตกใจ ละล้าละลัง
       "มึงต้องเป็นลูกชาย ลูกชาย....โอ๊ย"
       เจียมตกใจร้องลั่น
       "คุณบุหงา"
       น้ำไหลลงตามขามานองที่พื้น บุหงาก้มลงมอง เห็นน้ำคร่ำไหล หน้าผุดพรายด้วยเหงื่อกาฬ
       "ลูกชายข้าจะออกมาแล้ว อ๊าย"
       

       บุหงาร้องลั่นด้วยความเจ็บปวด หน้าซีด ตาเหลือก เหมือนจะตาย !



อ่านต่อ . . .   


Ref :
 
Share this article :

แสดงความคิดเห็น

 
Support : Creating Website | Johny Template | Mas Template
Copyright © 2011. LakornDD - All Rights Reserved
Template Created by Creating Website Published by Mas Template
Proudly powered by Blogger