Latest Movie :

ชิงรักหักสวาท - ตอนที่ 1

ละครช่อง 8
ละครเรื่อง – ชิงรักหักสวาท

ชิงรักหักสวาท ตอนที่ 1

เรื่องย่อ . . .

ภายในพระนคร ณ อาณาจักรใต้หล้า ทาสหญิงชายเดินกันให้ขวักไขว่ เพื่อเร่งมือเตรียมงานฉลองโกนผมไฟให้กับลูกชายคนแรกของเจ้าสัว “แสน” คหบดีผู้มั่งคั่ง กับ “พวงแก้ว” ภรรยาสาวที่มาจากตระกูลข้าหลวงใหญ่จากในวัง 

ซินแสเทียน กับ "หยก" หลานชายวัย 5 ขวบ เดินทางมาหยุดยืนที่หน้าเรือนไทยหลังใหญ่ เด็กชายหยกมองใต้หล้าด้วยความตะลึง ซินแสกวาดพัดชี้ให้หยกกวาดตามองใต้หล้า ดูไว้อาหยก จากกุลีริมทางปากกัดตีนถีบ บัดนี้ ก้อนดินต่ำต้อยก้อนนั้น ก่อร่างสร้างตัวจนเป็นปึกแผ่นแล้วพูดจบซินแสก็จูงมือหยกเดินเข้าไปในใต้หล้า 

เจ้าสัวแสนได้ขอให้ซินแสเทียนทำนายดวงชะตาของ "กล้า" ลูกชายคนแรก ซึ่งซินแสเทียนก็ทำนายอย่างตรงไปตรงมาว่า "เด็กชายผู้นี้ มีราคีเกาะกุมชะตา จะผิดแผกพงศ์พันธุ์ ถูกติฉินนินทา นำความอัปยศมาสู่ตระกูล"  เจ้าสัวมอง "กล้า" ด้วยความโกรธ

เจ้าสัวแสนไปเที่ยว “หอจันทร์ฉาย” และได้หลงเสน่ห์ดาวเด่นแห่งหอนางโลม พวงแก้วทั้งเจ็บปวด และเจ็บใจ  จึงปลอมตัวใช้ผ้าดำคลุมหน้า โดยพาชายฉกรรจ์ 5 คน บุกไปพังร้าน ทำร้ายและข่มขู่ “เว่ยชิง” (เจ้าของหอจันทร์ฉาย) กับ “บุหงา” (นางโลมผู้เป็นดาวเด่นที่เจ้าสัวแสนมาติดพัน)


ชิงรักหักสวาท
ตอนที่ 1  :  ออกอากาศ - 2 กันยายน 2557





ชิงรักหักสวาท บทละคร


ชิงรักหักสวาท  เป็นละครโทรทัศน์ไทย แนวพีเรียด-ดราม่า

นำแสดงโดย                สมชาย เข็มกลัด, สุจิรา อรุณพิพัฒน์, ภัครมัย โปตระนันท์, สิทธา สภานุชาติ, กุลมาศ ลิมปวุฒิวรานนท์, ณปภัช วัฒนากมลวุฒิ และนักแสดงชั้นนำอีกมากมาย



บริเวณด้านหน้าอาณาจักรใต้หล้าเป็นหมู่เรือนไทยหลายหลัง ทาสหญิงชายเดินขวักไขว่ เพื่อตระเตรียมงานฉลอง บ้างหาบกระบุงผลไม้ บ้างแบกสำรับอาหาร จับกังใส่เสื้อผ้าดิบสวมหมวกกุยเล้ยลากรถลากเข้ามา ด้ามพัดของซินแสยื่นมาใกล้จับกัง
       "จอดตรงนี้"
       จับกังจอดรถ วางคานจับลงที่พื้น ซินแสเทียนสวมรองเท้าผ้าไหมอย่างดีพ้นจากกางเกงต่วนแพรก้าวลงจากรถ พร้อมพัดคลี่ออกพัด แล้วมองเข้าไปยังอาณาจักรอันใหญ่โตของใต้หล้า
       หยก หลานชายของซินแสวัย 5 ขวบถาม  
       "เจ็ก...นี่เหรอ อาณาจักรใต้หล้า"
       เด็กชายหยก มองอาณาจักรใต้หล้าด้วยความตะลึง ซินแสเทียนกวาดพัดชี้ให้หยกกวาดตามอง
       "ดูไว้อาหยก จากกุลีริมทาง ปากกัดตีนถีบ บัดนี้ก้อนดินต่ำต้อยก้อนนั้น ก่อร่างสร้างตัวจนเป็นปึกแผ่นแล้ว"

       พูดจบซินแสเทียนก็จูงมือหยกเดินเข้าไปในใต้หล้า หยกมองดูด้วยความตะลึง

ซินแส เปิดประตูเรือนเข้าไปในใต้หล้า เสียงทรงอำนาจดังมาจากศาลาโล่ง
       "ใต้หล้ายินดีต้อนรับ"
       หยกหันไปมอง เจ้าสัวแสน นั่งเป็นสง่าผ่าเผยอยู่บนศาลา แล้วเดินออกมารับซินแสและหยก
       "นี่ล่ะอาหยก ลื้อเห็นรึยังตัวอย่างของคนไม่งอมืองอเท้า มานะบากบั่นต่อสู้ชีวิตจากต้นเล็กเป็นหญ้าแพรก บัดนี้เติบโตเป็นไม้ใหญ่ให้ร่มเงาผู้อื่น....ไหว้ท่านเจ้าสัวสิ"
       หยกยกมือไหว้
       "ท่านเจ้าสัว"
       "ไหว้พระเถิด ซินแสเทียนก็พูดเกินไป ถ้าไม่ได้ซินแสคอยชี้ช่องดวงชะตา ข้าก็คงไม่ได้มาถึงเพียงนี้หรอก"
       "อั๊วเองก็ดีใจ ที่ได้เห็นวันที่รอคอยของเจ้าสัว"
       เจ้าสัวแสนหัวเราะด้วยความดีใจ สีหน้าแววตาดูมีความสุขที่สุด
       "วันนี้ข้ายินดีเหลือเกินที่ซินแสเทียนให้เกียรติมาร่วมพิธีโกนผมไฟลูกชายคนแรกของข้า ได้เวลาแล้วเข้าไปทำพิธีกันเถิด"
       
       เด็กชายกล้า วัย 1 เดือนนอนอยู่บนฟูก รอบตัวมีทั้งสร้อยทองเรียงรายรับขวัญ พวงแก้ว ลูบผมของเด็กชายอย่างทะนุถนอมรักใคร่ พวงแก้วแต่งกายอย่างผู้ดีมีตระกูล เพิ่งคลอดลูกไม่นาน ท้องยังไม่ยุบเท่าใด ทว่าสีหน้าดูเปล่งปลั่ง
       "แม่แก้ว ดูสิว่าใครมา" เจ้าสัวแสนบอก
       พวงแก้วหันมา ยกมือไหว้ซินแสอย่างนอบน้อม
       "ซินแสเทียน ขอบพระคุณที่ซินแสมาร่วมมงคลวารแก่ลูกกล้า"        
       "พิธีโกนผมไฟ....อั๊วเป็นคนจีน ไม่ค่อยได้เห็น มาวันนี้เป็นบุญตาอั๊วเหมือนกัน"
       "อย่าว่าแต่ซินแส ข้าก็คนเดินดินกินข้าวแกงมาก่อนไม่ค่อยได้เห็น แต่วาสนาได้เมียดีมีชาติตระกูล แม่แก้วเขาว่าต้องมีพิธีขวัญเดือน ลูกชายข้าคนนี้ ได้เชื้อสายขุนน้ำขุนนางจากทางแม่แก้ว ข้าก็ต้องจัดให้ยิ่งใหญ่สมน้ำสมเนื้อ"
       "ได้เวลาแล้วกระมังคะท่านเจ้าสัว"
       "เชิญซินแสทางนี้ เชิญ..."
       พวงแก้วพยักหน้าให้เอื้อย เอื้อยนำทาสไพร่ถือถาดเตรียมพิธีโกนผมไฟเข้ามา ในถาดใส่มีดโกน กรรไกร หวี ใบบัว ดอกอัญชัญ กานพลู เรียงอย่างประณีต
       หยกเข้าไปใกล้ มองน้องกล้า เหมือนถูกชะตากัน เอื้อมมือลูบผมของน้องที่กำลังจะถูกโกน
       ซินแสปราม
       "อาหยก"
       หยกชักมือออก แต่ยังแอบยิ้มให้เด็กแบเบาะ อย่างเอ็นดู
       "ท่าทางหยก หลานชายซินแสกับลูกกล้าจะถูกชะตากันนะคะ" พวงแก้วว่า
       "น่าจะถูกชะตากันเป็นแน่" ซินแสว่า
       ซินแสเทียนและพวงแก้วเอ็นดูที่เห็นหยกอยากเล่นกับน้อง
       "เสร็จพิธีโกนผมไฟ ข้าอยากให้ซินแสช่วยทำนายชะตาของลูกชายข้าให้ด้วย"

       ซินแสเทียนยิ้มรับและจับตามองที่เด็กชายวัยแบเบาะ


       เจ้าสัวตัดผมให้กล้า แต่ท่าทางไม่คุ้นเคย พวงแก้วยื่นมือมาช่วย เจ้าสัวตัดผมกล้า วางปอยผมลงในใบบัวข้างตัวเด็กชาย
       
       เอื้อยขยำดอกอัญชัญ แล้วส่งขันน้ำดอกอัญชัญให้พวงแก้ว เธอลูบน้ำดอกอัญชัญที่หัวลูกชาย
       "โบราณท่านว่า น้ำดอกอัญชัญจะทำให้ผมใหม่ขึ้นดกดำกว่าเดิม"
       พวงแก้วใช้กานพลูจุ่มน้ำอัญชัญวาดคิ้วให้กล้า
       "จะได้คิ้วงามๆ มีสง่าราศี สมกับที่พ่อเขารอคอยนะลูกนะ"
       ซินแสตรวจนับดวงชะตา คำนวณวันเดือนปีเกิดของลูกชายเจ้าสัว
       "ว่าอย่างไรซินแส ลูกกล้าของข้าคนนี้ จะเติบใหญ่นำความรุ่งเรืองมาสู่ตระกูลของข้าใช่ไหม"
       ซินแสฉงนใจ ขมวดคิ้ว
       "มีอะไรรึ ซินแส"
       "ลูกชายคนนี้ของท่าน เกิดข้างแรม พุธกลางคืนจริงๆรึ"
       "ใช่แล้ว ลูกกล้าของข้า เกิดพุธกลางคืน จันทร์เสี้ยวกำลังสวยเชียว"
       "ผู้ชาย กันยา !"
       "ว่าอย่างไรซินแส ดวงชะตาลูกชายของข้าคนนี้เป็นเยี่ยงไร"
       ซินแสอึกอักพูดไม่ออก มองหน้าเด็กชายกล้าแล้วกัดริมฝีปาก
       "ลูกชายของท่านเจ้าสัวคนนี้ เอ้อ..."
       "บอกข้ามาเถอะซินแส ดีใช่ไหม"
       "ว่าอย่างไรคะซินแส ชะตาลูกกล้าเป็นเยี่ยงไร ร้ายดีก็ลูกข้า พูดมาเถอะค่ะ" พวงแก้วว่า
       "เอ้อ..."
       "ที่ข้ารุ่งเรืองมาได้ทุกวันนี้ เพราะซินแสชี้แนะชะตาแก่ข้า ที่ร้ายท่านก็กล่าวเพื่อให้ข้าเลี่ยง ที่ดีข้าจะได้ทำให้ดียิ่งขึ้น บอกข้ามาเถอะซินแส"
       ซินแสมองหน้าเด็กชายกล้า หยกมองน้อง ไม่เข้าใจว่าทำไม !?
       "บุตรชายของท่านคนนี้ มีราคีเกาะกุมชะตา จะผิดแผกพงศ์พันธุ์ นำความเดียจฉันท์นินทา รังจะพาแต่ความอัปยศมาสู่ตระกูล "
       โครม ! เจ้าสัวลุกขึ้นด้วยความตกใจ เท้าพลาดเตะถาดที่วางใบบัวใส่ปอยผมลูกร่วงลงกับพื้น
       "ไม่ !"
       เจ้าสัวมองกล้า ยังไม่อยากเชื่อ เด็กชายนอนตาแป๋ว ไม่รู้เรื่อง หยกมองกล้า งง
       " ไม่ !"
       กล้าตกใจร้องไห้ลั่น แก้วรีบอุ้มลูกไว้กับอก
       "ไม่นะลูกแม่ อย่าร้อง ขวัญเอ๋ย ขวัญมา"
       "ท่านแน่ใจรึ ซินแสเทียน"
       "ข้าแจ้งแก่ท่านตามดวงชะตา"
       "ไม่จริง เหตุใดท่านจึงกล่าวคำให้ร้ายลูกข้าเช่นนั้น ท่านเจ้าสัวอย่าไปฟังซินแสเทียนนะเจ้าคะ"
       "ฤกษ์ยามลิขิตมาเป็นเช่นนั้น"
       "ไม่จริง ซินแสอาจทำนายพลาด"
       "ตลอดชีวิตข้าไม่เคยทำนายพลาด"
       "ไม่เคยพลาด แต่ครั้งนี้ไง ครั้งนี้ท่านพลาด ลูกข้าไม่ใช่คนนำพาความอัปยศมาสู่ตระกูลแน่"
       "ที่ผ่านมา ข้าเองพึ่งพาซินแสมาตลอด ไม่เคยมีครั้งใดที่คำทำนายของท่านไม่เป็นจริง... ข้าเชื่อท่าน"
       "ท่านเจ้าสัว ! ท่านจะเอาคำทำนายมาตัดสินลูกไม่ได้นะเจ้าคะ"
       "เงียบก่อนแม่แก้ว !" เจ้าสัวแสนหันมาพูดกับซินแส "ซินแส แต่ท่านเคยทำนายไว้มิใช่หรือว่าข้าจะมีลูกชายที่นำความรุ่งเรืองมาให้วงศ์ตระกูล แต่ทำไมวันนี้ถึงเป็นเช่นนี้ได้"
       ซินแสก้มหน้าลงเขียนกระดานชนวน คำนวณใหม่
       "ใช่...แต่ไม่ใช่ลูกชายคนนี้"
       เจ้าสัวแววตาสับสน แก้วฟังแล้วเศร้าใจ
       "ท่านเจ้าสัว"
       "ไม่ใช่ลูกชายคนนี้หรือ"
       พวงแก้วเห็นสายตาเจ้าสัวถึงกับน้ำตาร่วง กอดลูกชายไว้แนบอกแน่น รู้แก่ใจว่าเจ้าสัวเป็นคนเชื่อถือดวงชะตาคำทำนายมาก

       เจ้าสัวมองกล้าด้วยความโกรธ

       ซินแสเทียนนั่งรถลากออกมากับหลานชาย หยกยังหันไปมองอาณษจักรใต้หล้า รถลากแล่นห่างออกไป จนใต้หล้าลับไปกับตา ซินแสคิดว่าหยกไม่เข้าใจคำทำนาย
       
       "โตขึ้น ลื้อจะเข้าใจเอง อาหยก"
       "ใครไม่รักน้อง...แต่หยกชอบน้องคนนั้น"
       ซินแสลูบหัวหยก คิดว่าเป็นเด็กถูกชะตากัน แล้วถอนหายใจในชะตาของบ้านเจ้าสัวแสน
       ผ่านเวลา ในมุมหนึ่งของใต้หล้า เจ้าสัวอารมณ์ไม่ดี เดินลงส้นปึงปังมา พวงแก้วอุ้มลูกตามเข้ามา
       "ท่านเจ้าสัว ลูกไม่ได้เป็นอย่างนั้นนะเจ้าคะ"
       "หล่อนจะรู้ดีกว่าซินแสได้เยี่ยงไร"
       "ลูกอิฉัน อิฉันฟูมฟักสั่งสอนตั้งแต่ในท้อง ดวงก็ส่วนดวง โตขึ้นมาก็เพราะเลี้ยงดูให้ดีให้งาม"
       "แล้วหล่อนจะฝืนดวงได้รึ"
       "เชื่ออิฉันสิเจ้าคะ ลูกคนนี้ อิฉันจะเลี้ยงให้ดี นำความภาคภูมิใจมาสู่ท่านเจ้าสัว ลูกกล้าจะนำแต่ความเจริญมาให้บิดาเป็นแน่"
       เสียง ทาสชายวิ่งกระหืดกระหอบมา เสียงดังมาก่อนตัว
       "เจ้าสัวขอรับ เรือสินค้าที่ชื่อกล้า...เรือสินค้าที่ชื่อตามลูกชายท่าน"
       "นั่นปะไร เรือสินค้าที่ท่านเมตตาให้ชื่อเรือตามลูกกล้า บ่าวไพร่คงมาแจ้งว่าเทียบท่าเรียบร้อยแล้ว" พวงแก้วว่า
       "ว่าอย่างไร ไอ้มิ่ง"   ทาสชายชื่อมิ่งวิ่งมาถึง หน้าตื่น
       "เรือชื่อกล้า ล่มเสียแล้วขอรับ สินค้าของท่านเจ้าสัวสูญหายลงแม่น้ำไปแล้ว"
       พวงแก้วตะลึง ตกใจ พูดไม่ออก เจ้าสัวมองหน้าเมียแล้วถลึงตา พลันหันไปเสียงดังใส่ทาส
       "เรือล่ม ! ร้อยวันพันปี เรือสินค้าข้าไม่เคยล่ม นี่มันเหตุอันใด"
       "ไม่ทราบขอรับ นายเรือก็ชำนาญร่องน้ำ แต่คนงานโจษจันว่าชื่อเรือไม่ถูกกับแม่ย่านางเรือขอรับ"
       "เรือชื่อลูกข้า... กล้า"
       เจ้าสัวมองมาที่กล้า พวงแก้วมองตามสายตาเจ้าสัวแล้วส่ายหน้า
       "ท่านเจ้าสัว ลูกกล้าไม่ผิด ไม่ใช่เป็นเพราะลูกนะเจ้าคะ"
       "หล่อนเห็นหรือยังแม่แก้ว ชะตาลูกของหล่อนจะนำอะไรมาสู่วงศ์ตระกูลบ้าง"
       เจ้าสัวรีบตามมิ่งออกไป แก้วร้องไห้ ทรุดตัวลงกอดลูกด้วยความเสียใจเหลือเกิน
       "ลูกกล้า"
       
       บริเวณท่าเรือริมแม่น้ำ เจ้าสัวยืนคุมงาน ดูคนงานขนกระสอบเปียกน้ำขึ้นมากองที่ริมตลิ่ง
       "สินค้าที่ทาสกู้จากเรือได้มาเท่านี้ขอรับ"อ่ำบอก
       เจ้าสัวมองด้วยความโมโห ขุ่นใจ
       นายเรือเนื้อตัวเปียกปอนเดินเข้ามาด้วยความกลัว ตัวสั่นงันงก
       "ท่านเจ้าสัว !"
       เจ้าสัวยันโครมด้วยเท้าหน้า จนนายเรือหงายไป แล้วรีบหมอบรายงาน
       "ขับเรือประสาอะไร ทำไมถึงทำเรือข้าล่ม"
       "เจ้าสัว ข้าไม่รู้จริงๆขอรับ ข้าเดินเรือให้ท่านมาแต่ยังหนุ่ม ท่านก็รู้ฝีมือของข้าดี ข้าไม่เคยทำเรือล่มนะขอรับ"
       "แล้วมันเกิดเหตุได้เยี่ยงไร เรือก็เรือใหม่ ข้าเพิ่งสั่งต่อเสร็จ มันไม่น่าจะเกิดเหตุการณ์เยี่ยงนี้ได้"
       "ก็จะมีก็แต่เรือลำนั้น ฤกษ์ลงน้ำวันเดียวกับที่บุตรชายท่านกำเนิด วันนั้นข้าท้วงท่านแล้วว่ามันไม่เป็นมงคล ไม่ควรลอยเรือแต่ท่านก็ไม่ฟัง"
       เจ้าสัวอึ้งไป เครียด เริ่มคิดจริงจังว่าคำทำนายของซินแสอาจจะเป็นจริง
       
       พวงแก้วเดินมาตามหน้าห้องแถวในย่านริมน้ำ เจริญกรุง เอื้อยเดินตามมา
       "เร็วๆเข้านางเอื้อย ข้าจะต้องไปถามนายเรือให้แน่ใจว่า เรือล่มเพราะนายเรือสะเพร่า ไม่ใช่เพราะฤกษ์ยามเรือลงน้ำเป็นเวลาเดียวกับตอนที่ลูกข้าเกิด"
       "อย่ารีบร้อนอย่างนั้นสิเจ้าคะคุณแก้ว ระวังผู้ระวังคนบ้างนะเจ้าคะ" เอื้อยว่า
       "วันนี้ทำขวัญเดือนลูกกล้า... ยังไงข้าก็จะตามท่านเจ้าสัวกลับบ้าน -บิดาควรจะอุ้มบุตรชายลงเปล พิธีทั้งหมดจึงจะเป็นมงคล"
       พวงแก้วเดินผ่านผู้คนด้วยความระหง เหยียดชาวบ้านอื่นๆพอประมาณ เอื้อยก็รีบตามนายไม่ได้ห่าง
       
       เวลาเย็น ร้านค้าของเจ้าสัวเป็นห้องแถวขายของย่านเจริญกรุง ริมแม่น้ำ ภายในร้านมีกระสอบเมล็ดพืชชนิดต่างๆเรียงซ้อนกัน บ้างเป็นกระสอบข้าวสาร เปิดอ้าขายแบบตวงเป็นทะนาน
       ลูกค้ามาซื้อข้าวสาร อ่ำตวงขาย เจ้าสัวหงุดหงิดดีดลูกคิดอยู่ที่โต๊ะ สมุห์บัญชีสีหน้าหนักใจ
       "สัปดาห์นี้ขายได้ไม่ดีเลยรึ"
       สมุห์บัญชีบอก
       "ขอรับเจ้าสัว 1 เดือนมาแล้วที่ค้าขายไม่ดีเท่าที่ควร ไม่รู้เป็นเพราะอะไรขอรับ"
       "โว้ย !ทำไมเป็นแบบนี้"
       เจ้าสัวเครียด สมุห์บัญชีเก้อไป คิดจะทำให้นายอารมณ์ดี
       "เอ้อ ท่านเจ้าสัวขอรับ วันนี้วันดี วันมงคลทำขวัญเดือนคุณหนูน้อย ท่านเจ้าสัวไม่ต้องเครียดดอกครับ ลูกชายคนแรกเขาว่าจะนำพาความ..."
       ยังพูดไม่ทันจบ
       "โว้ย ! ไม่ต้องพูดถึงลูกชายฉันได้ไหม"
       เจ้าสัวแสนเดินหงุดหงิด ลุกออกไป
       สมุห์บัญชีอ้าปากค้าง งง
       อ่ำเข้าไปกระซิบ
       "เรื่องนี้แหละที่เครียด ซินแสเทียนท่านทำนายว่าดวงคุณหนูจะ...."
       เจ้าสัวได้ยินแว่วๆ ก็ยิ่งรำคาญ จึงหันกลับมาตะโกนใส่
       "ไอ้อ่ำ"

       อ่ำหุบปากด้วยความกลัวทันที เจ้าสัวออกไปจากร้าน อ่ำเมาท์กับสมุห์บัญชีต่อ


        พวงแก้วรีบเดิน เผอิญมีชาวบ้านเดินซื้อของเกะกะขวางทางอยู่ แก้วมองชาวบ้านด้วยสายตาผู้ดีดูถูก รังเกียจ
       
       "หลบหน่อยนะจ๊ะ ขอทางให้คุณแก้วหน่อยจ้ะ" เอื้อยบอก
       ชาวบ้านแหวกทาง ทั้งเกรง ทั้งเบือน แก้วเดินเชิดผ่าไป แต่แล้วชนกับเว่ยชิงที่หิ้วตะกร้าเข้ามาอย่างไม่ทันมอง
       "เอ๊ะ !"
       "อั๊ย...อะไรกันเนี่ย"
       พวงแก้วปรายตามองเว่ยชิงหัวจรดเท้า ดูออกและรู้ในทีว่า ทั้งกิริยา การแต่งกาย เป็นผู้หญิงคุมซ่อง พวงแก้วปัดเนื้อปัดตัวอย่างรังเกียจ
       พวงแก้วเยาะเบาๆ
       "หญิงซ่อง"
       เว่ยชิงมองกลับอย่างไม่เกรงใจ ก้มหน้าลงขึ้นหัวจรดเท้าแล้วไล่สายตาขึ้นมาจ้องตากันอีกที
       "อั๊วก็มีตาเหมือนกันนะยะ ลื้อมองอั๊วหัวจรดเท้า แต่อั๊วมองลื้อ เท้าจรดหัว"
       "นี่แก พูดจาอะไรเกรงใจคุณแก้ว ภรรยาท่านเจ้าสัวแสนด้วยนะ" เอื้อยว่า
       "อ๋อ เนี่ยเหรอ เมียผู้ดีแปดสาแหรกของเจ้าสัวแสนที่เขาร่ำลือกัน"
       "ลือ ? ใครลือคุณแก้วด้วยเรื่องอันใด"
       เอื้อยเข้าไปจะเอาเรื่องเว่ยชิง แต่พวงแก้วรีบห้ามไว้ก่อน
       "ปากคนไม่เป็นปากคน กลายเป็นปากหอยปากปู ซุบซิบกันอยู่ในโคลน...ต่ำตม อย่าไปยุ่งกับพวกนี้เลยนังเอื้อย ไปเถอะ รีบไปหาท่านเจ้าสัวที่ร้านกันเถอะ"
       เว่ยชิงหัวเราะร่วน แววตาเยาะเย้ย
       "อ๋อ มาตามท่านเจ้าสัว พาผัวกลับบ้านรึจ๊ะ โถๆ แม่ผู้ดี รู้ไหมจ๊ะ ปากหอยปากปูน่ะ มันตอดดีนักแล เชอะ !ผัวใครๆก็ติดใจทั้งนั้น"
       " แต่คงไม่ใช่ผัวข้า" พวงแก้วว่า
       พวงแก้วมองเว่ยชิงด่าด้วยสายตาว่าต่ำ แล้วรีบเมินเดินผ่านไปด้วยท่านางหงส์ โดยมีเอื้อยเดินตามไป
       แต่ไม่แคล้วหันมามองเหยียดเว่ยชิงเช่นเดียวกับนายแล้วเดินไป
       เว่ยชิงเจ็บใจสายตาดูถูก
       "อยากรู้นักเชียว ถ้าผัวไปมีใหม่ จะมีหน้าคอตั้งบ่าอย่างนั้นไหม"
       เว่ยชิงมองตามแก้ว
       
       เวลากลางคืน เจ้าสัวแสนหน้าเครียด นั่งอยู่ในโรงน้ำชา ยกเหล้าขึ้นซดย้อมใจ พ่อค้าชาวจีนที่นั่งร่วมโต๊ะด้วย ร่วมสนทนา
       พ่อค้า1    บอก   
       "เรื่องชะตาลูกชายเจ้าสัวแสน ข้าว่าฟังหูไว้หูก็ดีนะท่าน"
       พ่อค้า2    บอก
       "แต่อย่างไรซะ ซินแสเทียนเป็นคนที่พวกเราเชื่อถือที่สุดนะ ใครจะทำการค้าหาฤกษ์ดูชะตา ทุกคนต้องพึ่งซินแสเทียนทั้งนั้น"
       เจ้าสัวยิ่งฟังยิ่งถอนหายใจ
       พ่อค้า3    บอก   
       "จะยากอะไรเล่า ลูกคนนี้ไม่ดี ก็มีคนใหม่ ซินแสบอกไว้ไม่ใช่เหรอ ว่าท่านจะได้ลูกชายอีกคน"
       พ่อค้า4 บอก      
       "มีลูกหน่ะไม่ยาก แต่ยากก็ตอนหาคนมาทำลูก จริงไหม เว่ยชิง"
       พ่อค้าหัวเราะกันร่วน
       เว่ยชิงนั่งอยู่กลางวงพ่อค้า หัวร่อต่อกระซิกกับพ่อค้า สายตาเหลือบมองเจ้าสัวแสน
       "เรื่องยากๆข้าไม่รู้หรอกเจ้าค่ะ ที่พวกข้ารู้ คือข้าสามารถทำให้คิ้วขมวดของท่านคลายลงได้"
       "สุรากี่ไห ก็ไม่ทำให้ข้าคลายความหนักใจได้หรอก เว่ยชิง"
       "สุราแค่ย้อมใจ แต่สตรีเป็นยาใจนะท่าน"
       พูดจบเว่ยชิงก็ปรบมือดังขึ้น เหล่าพ่อค้ามองไปที่ยกพื้นเวทีในโรงน้ำชา เหล่านางโลมแต่งกายด้วยผ้าบางเบาในชุดแบบจีน ออกมาร่ายรำดอกโบตั๋น
       เหล่าพ่อค้า ถลาไปหน้าเวที เกาะแกะหญิงนางโลม เจ้าสัวยังนั่งนิ่งอยู่ที่เดิม เหนื่อยหน่าย ถอนใจ เว่ยชิงมอง สายตามีนัยยะ
       
       เวลาเดียวกัน พวงแก้วกลับเข้าเรือนมากลับเอื้อย แล้วพวงแก้วก็รีบเดินมุ่งมาเขม้นมองอ่ำ
       "ไอ้ทาสอ่ำ เอ็งรู้หรือไม่ว่าท่านเจ้าสัวไปอยู่ที่ใดตอนนี้"
       "เอ่อ...บ่าวไม่รู้จริงๆขอรับ" อ่ำบอก
       "นังเอื้อย เอาหวายมา"
       อ่ำตัวสั่นเทา แทบจะกราบ
       "บ่าวไม่รู้จริงๆนะขอรับ ท่านเจ้าสัวเข้ามาตรวจโกดังแล้วก็หงุดหงิดเรื่องสินค้าขายไม่ดีดังเดิม หนำซ้ำสมุห์บัญชีดันปากบอนถามเรื่องคุณหนูกล้า"
       "ถามถึงลูกข้า แล้วท่านเจ้าสัวว่าอย่างไร"
       "ทะ...ท่านเจ้าสัวแค่ได้ยินสมุห์บัญชีถามถึงลูกชาย ก็โกรธไม่ให้พูดถึงอีกขอรับ"
       "ไม่จริง    !"
       "จริงขอรับ ตอนนี้แค่ท่านเจ้าสัวได้ยินใครพูดถึงชะตาคุณหนู ท่านก็หงุดหงิดไปหมด ถึงขนาดเดินออกจากร้านไปเลยขอรับ"
       พวงแก้วฟังแล้วเสียใจ โกรธจัด ได้แต่กำมือแน่น ตัวสั่น เอื้อยสงสารนายหญิง รีบกำราบมิ่งด้วยการหยิกอ่ำจนตัวบิด ร้องโอดโอย
       "โอ๊ย ! พี่เอื้อยฉันเจ็บ"
       "เอ็งเลิกพูดเรื่องคุณหนูได้แล้ว ถ้าไม่รู้ว่าท่านเจ้าสัวอยู่ไหน ก็ไปซะ ไป"
       อ่ำรีบคลานออกไปทันที เอื้อยเข้าไปปลอบใจพวงแก้ว
       "คุณแก้วเจ้าคะ"
       พวงแก้วน้ำตาร่วงเผาะๆ
       "ท่านเจ้าสัวไม่เคยไปไหนโดยไม่บอกกล่าวข้า นี่เป็นเพราะชะตาของลูกกล้าถึงทำให้ท่านต้องเป็นแบบนี้"
       เสียงกล้าร้องไห้ดังออกมาจากเปล พวงแก้วเข้าไปหาลูก ไม่อยากเชื่อว่าลูกจะมีชะตาไม่ดี
       "ลูกกล้า ลูกแม่"
       "คุณแก้วเจ้าขาอย่ายอมแพ้สิเจ้าคะ เราต้องมีทางออกนะเจ้าคะ ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม บ่าวเชื่อว่าเจ้าสัวจะต้องกลับมา รักเอ็นดูคุณกล้าเหมือนเดิมแน่ๆเจ้าคะ"

       เอื้อยปลอบ พวงแก้วแววตามุ่งมั่นขึ้น


       เหตุการณ์ทางด้านโรงน้ำชา พ่อค้าชาวจีนกำลังสำราญกับหญิงนางโลมที่รินเหล้าให้อย่างเอาใจ เจ้าสัวแสน ไม่ถูกใจหญิงนางโลมคนใด เขารินเหล้าเอง กระดกเอง เว่ยชิงเข้ามาเกาะบ่า
       
       "เอ ข้าคงทำให้เจ้าสัวเข้าใจผิดกระมัง นี่สำนักนางโลมนะเจ้าคะ มิใช่ศาลาธรรมสดับ... แต่ถึงเข้ามานั่งถอนหายใจปลดปลงชีวิต ข้าก็คิดอัฐนะเจ้าคะ"
       "หึ ! เหล่านางระบำของเจ้าทำให้ข้าคลายทุกข์ไม่ได้ เจ้าก็อย่าหวังจะได้อัฐจากข้าเลย เว่ยชิง"
       "ถ้าข้ามีคนที่จะทำให้ท่านคลายใจได้ล่ะเจ้าคะ ท่านจะว่าอย่างไร"
       เจ้าสัวยิ้มเยาะ ไม่เชื่อขี้ปากเว่ยชิงเท่าใดนัก เว่ยชิงยิ้มกริ่ม นึกถึงหญิงนางหนึ่งที่อยู่หลังฉากในขณะนี้
       
       ทางในของโรงน้ำชา นางหนึ่งที่สีนิ่มนวลถูกแต้มสีแดงชาดอย่างบรรจง กระดาษซับที่ริมฝีปากจนแดงอวบอิ่ม แป้งแข็งสีขาวถูกซับแตะที่ข้างแก้ม คอ ไล่ลงมาถึงเนินอก ดอกไม้ถูกติดเข้าที่ผม
       "บุหงา"
       บุหงามองกระจก ยิ้มให้ความสวยของตัวเอง
       "บุหงา"
       บุหงามองกระจก เห็นเว่ยชิงเดินเข้ามา
       "บุหงา"
       "เมื่อไหร่เจ้าจะชินกับชื่อใหม่ที่ข้าตั้งให้เสียที เหมยกุง เจ้าน่ะ ชื่อบุหงา"
       "อา...ข้าจำได้ บุหงา แปลว่าดอกไม้"
       "ใช่ ได้เวลาดอกไม้ดอกนี้ส่งกลิ่นกำจายมัดใจชายชาตรีทั้งหลายได้แล้ว"
       บุหงายิ้มอย่างมั่นใจในความงามของตัวเองก่อนมองไปที่กระจก แล้วลุกขึ้นก้าวออกไปหลังม่านทันที
       
       เสียงเพลงจีนดังก้องอยู่ในโรงน้ำชา บุหงาก้าวขึ้นเวที ในชุดจีนที่สวมใส่แหวกออกเห็นเรียวขางามลึกเข้าไปถึงขาอ่อน สายตาผู้ชายนักเที่ยวเริ่มหันมาจับจ้องที่บุหงาเป็นตาเดียว
       บนเวที บุหงากรีดกรายร่ายรำตามจังหวะเพลง เนื้อผ้าเพยิบพยาบ แหวกนิด แย้มหน่อยๆอย่างจงใจ
       เจ้าสัวเริ่มมองบุหงา เว่ยชิงยิ้มกริ่มเมื่อเห็นดังนั้น ... บุหงา ปลดผ้าคล้องคอผืนบางให้ลอยไปในอากาศ นักท่องเที่ยวขาจร จะคว้าผ้าคล้องคอไว้ได้ บุหงาเห็น แว่บหนึ่ง ในสายตาของบุหงา มีรอยหยันคนจน มือบุหงารีบกระตุกผ้ากลับมา ดูแนบเนียนและยั่วยวน
       บุหงากราดสายตาหว่านเสน่ห์ พลันสบตาเข้ากับเจ้าสัวที่มองมาจากโต๊ะใหญ่กลางโรงน้ำชา เธอรู้สึกร้อนวูบวาบอย่างบอกไม่ถูก
       เจ้าสัว มองลึกไปทั่วสรรพางค์กายของบุหงา แล้วมโนไปไกล...
       
       ใบหน้าสวยงาม ปากแดงอวบอิ่ม เผยอปากนิดๆขึ้น นิ้วมือไล่จากปากของตน เรื่อยลงมาที่ลำคอขาวผ่อง
       เจ้าสัวส่งสายตาคมเข้ม จ้องมาที่เสื้อผ้าผืนบางไหลตรงไหล่ ที่เปิดเนินอกด้านหนึ่ง บุหงายิ้มกระเซ้า ก้าวขาตรงมาที่เจ้าสัว เห็นเรียวขาแหวกพ้นรอยผ่าของกระโปรงวูบวาบ
       เสียงกลองในจังหวะเพลงรุมเร้า เธอหายใจระรัว รู้สึกวูบวาบต้องใจแสน เจ้าสัว ดื่มด่ำในความงามชวนตะลึงของบุหงา
       เว่ยชิงมองเห็นสายตาเจ้าสัว จึงรีบประชิดตัวในทันที
       "ท่านเจ้าสัวสำราญใจขึ้นบ้างหรือยังเจ้าคะ"
       "นางเป็นใคร"
       "นางเป็นบุปผาแรกแย้มจากแดนโพ้นทะเล"
       "ดูเหมือนดอกไม้ดอกนี้จะหอมรวยรื่นชื่นจมูกข้า"
       "อาจจะยากหน่อยนะเจ้าคะ ถึงจะเป็นดอกไม้ หากนางไม่เอนไหวโดยง่าย"
       เว่ยชิงพูดยั่วให้อยาก เจ้าสัวยิ่งมอง ยิ่งหมายมาด
       บนเวที บุหงาหยิบจอกสุราจะเทให้แขก บุหงายั่วคนนั้นคนนี้ไปมา แต่ไม่เทให้ใครเสียที
       "ผู้ใดปรารถนาสุราจากข้า"
       ลูกค้าร้องเรียก เริ่มทุ่มอัฐ
       คนจนบอก "เทให้ข้าเถิด"
       บุหงาเดินไป ยั่วจะเท แต่คนจนไม่มีอัฐ บุหงาเลยรังเกียจเดินผ่านไป ลูกค้าเริ่มยื่นอัฐ บุหงาเทสุราให้ตามกำลังเงิน พลางเก็บเงินใส่ชายพก บุหงาเดินยั่วเรื่อยมาจนถึงเจ้าสัว
       "ท่านปรารถนาลิ้มรสน้ำแห่งความหฤหรรษ์นี้หรือไม่"
       "ข้าไม่ปรารถนาเพียงแค่ชิม หากดื่มด่ำเล่า"
       เจ้าสัวลูบแขนบุหงาไล่มาจรดที่อุ้งมือ จับมือบุหงาพลิก ... ในฝ่ามือบุหงามีถุงอัฐวางอยู่ บุหงายิ้มยั่ว เบียดตัวเข้าไปใกล้อีกนิด รินเหล้าใส่จอกให้เจ้าสัว
       "สุราจะโอชะยามเมื่อล่วงผ่านปาก ขอเชิญท่านดื่มให้สำราญใจเถิด"

       บุหงายั่วทิ้งท้ายแล้วเดินกลับเข้าหลังม่านเจ้าสัวมองตาม ยกสุราขึ้นซดรวดเดียวหมดจอก


        ชิงรักหักสวาท ตอนที่ 1 (ต่อ)
        พวงแก้วกล่อมลูกนอน สีหน้าหมองหม่น มองไปที่เตียงกว้าง ไม่มีเจ้าสัวแสนมาอยู่เคียงข้างเหมือนอย่างทุกคืน
       
       "นังเอื้อย ฉันได้ยินเสียงรถลาก ไปดูสิ ท่านเจ้าสัวกลับมาแล้วใช่ไหม"
       "เสียงที่ไหนเจ้าคะ บ่าวไม่ได้ยิน"
       "เอ็งออกไปดู ท่านเจ้าสัวกลับมาแล้วแน่ๆ"
       เอื้อยรู้ดีว่า พวงแก้วหลอกตัวเอง แต่จำยอมแง้มประตูออกไป พวงแก้วลูบหัว คุยกับลูกคล้ายปลอบใจตัวเอง
       "ท่านเจ้าสัวกำลังมา... ลูกกล้า พ่อแสนกำลังจะมาหาตาหนูลูกแม่แล้วนะ"
       เสียงประตูเปิดออก แก้วดีใจ
       "ท่านเจ้าสัว"
       เอื้อยส่ายหน้าเข้ามา
       "ไม่มีรถลากผู้ใดเลยเจ้าค่ะ"
       พวงแก้วนิ่งงัน แก้วพยายามกลั้นน้ำตาที่กำลังเอ่อท้นหน่วยตา
       "ท่านเจ้าสัวคงกลุ้มใจมากเรื่องดวงชะตาของลูกกล้า ข้าจะทำอย่างไรดี หรือข้าจะมีลูกชายให้คุณเจ้าสัวแสนอีกคน"
       "โธ่ คุณแก้ว...ลืมเรื่องท้องไส้ที่ผ่านมาไปแล้วหรือเจ้าคะ"
       พวงแก้วสีหน้าหมองลง นึกถึงอดีต
       
       เวลานั้น หลังจากที่พวงแก้วคลอดลูกได้สักอาทิตย์ เธอนอนซมอยู่ในห้องนอน ท้องยังไม่ยุบลง เหงื่อกาฬไหลเต็มหน้า ท่าทางราวป่วยหนัก
       ซินแสเทียนจับแมะที่ชีพจร เจ้าสัวมองอย่างร้อนใจ เป็นห่วงแก้ว
       "ซินแส เมียข้าเป็นเยี่ยงไร ไฉนคลอดแล้วกว่าสัปดาห์ แต่ครรภ์ยังไม่ยุบ ซ้ำน้ำในกายก็ไหลไม่หยุด"
       "ท้องไม่ยุบ เป็นเรื่องปกติ จะค่อยๆดีขึ้น แต่ตอนนี้ คล้ายกับว่าร่างกายของนางนั้นร้อนจากข้างใน ครรภ์นางอาจเป็นพิษ "
       เอื้อยนั่งดูแลพวงแก้วอยู่ด้วย ตกใจขึ้นมาด้วยความเป็นห่วงนาย
       "ครรภ์เป็นพิษ"
       "แต่โชคดีว่านางให้กำเนิดบุตรแล้ว ระหว่างนี้ข้าจะให้ยาขับเลือดลม นายแม่ต้องรักษาตัว อยู่ไฟ 2 เดือน จนกว่าชีพจรจะเป็นปกติ"
       "ซินแสคะ ช่วยรักษาข้าให้เร็วที่สุด ข้าจะต้องหายดี ข้าจะเลี้ยงลูกชายคนแรกของท่านเจ้าสัวให้ดี ข้าจะปรนนิบัติดูแลท่านเจ้าสัวไม่ให้ขาดตกบกพร่อง"
       "อีกไม่นานเจ้าก็หาย แก้ว ไม่ต้องห่วงข้าดอก" เจ้าสัวแสนบอก
       "แต่อั๊วไม่มั่นใจว่านางจะมีบุตรให้ท่านอีกได้หรือไม่"
       พวงแก้วตกใจมาก ซินแสถึงกับอึ้ง
       "ทำไมละคะซินแส"
       "ข้าไม่แน่ใจ ร่างกายแปรเปลี่ยนไปตามธาตุที่ผิดปกติ ดวงชะตาบอกว่า เจ้าจะยังมีบุตรให้ท่านเจ้าสัวไม่ได้ในเร็ววันนี้ ตราบจนกว่านายแม่จะรักษาตัวจนหายดีเสียก่อน ถึงตอนนั้นค่อยตรวจดูอีกทีนะ"
       พวงแก้วถึงกับน้ำตาร่วง
       
       พวงแก้วปาดน้ำตา พยายามฮึดขึ้นมา
       "แต่ข้ายังมีหวัง ตราบใดที่ข้ารักษาตัวหายดี บำรุงโลหิตให้ไหลเวียนปกติเช่นเดิม ถึงครานั้น ข้าจะมีลูกชายกับท่านเจ้าสัวได้อีก"
       "เจ้าค่ะ แต่คุณแก้วต้องอดทนรักษาตัวตามที่ซินแสสั่งนะเจ้าคะ ดื่มยาหม้อที่ซินแสให้ไว้ อย่าทำใจให้หมองจนร่างกายอ่อนเปลี้ยนะเจ้าคะ"
       "เรื่องหมองใจของข้ามีเรื่องเดียว ขอแค่อย่าให้ท่านเจ้าสัวไปหลงเมามัวกับผู้หญิงหน้าไหนเลย"
       แก้วลั่นคำชัดเจน แต่น้ำเสียงและสายตากลับหวาดหวั่นสั่นคลอน
       
       ทางเดินยาวในหอเดือนฉาย ซึ่งเป็นชั้นบนของโรงน้ำชา ตะเกียงถูกจุดแขวนไว้เป็นระยะ แสงและเงา
       ทาบไปบนใบหน้าบุหงาที่แววตาของซ่อนความทะเยอทะยาน บุหงานึกถึงคำพูดของเว่ยชิงที่เกลี้ยกล่อมเมื่อสักครู่
       
       ภายในห้องแต่งตัว บุหงาบรรจงซับหน้า จัดเสื้อผ้าให้เรียบร้อย ในกระจกเงา เว่ยชิงเข้ามาทางด้านหลังบีบไหล่ ช่วยเติมแต่งหน้า
       "ตั้งแต่ฉันทำงานกับเจ๊ ฉันไม่เคยเปลืองตัวเยี่ยงเมื่อครู่เลย"
       "แหม เป็นนางคณิกาทำเป็นไม่คณามือชายชาตรี"
       "แล้วคนนั้น"
       บุหงายิ้มอย่างไว้เชิง
       "ใครกัน ท่านเจ้าสัวแสนหรือไม่..ทั้งพระนครจะหาใครร่ำรวยเท่าท่านเจ้าสัว ไม่มีอีกแล้ว"
       "คนรวยคงแลเราเช่นของเล่น ฉันไม่อยากเป็นดอกไม้แค่ชมเล่นๆเท่านั้น"
       "ดอกไม้อย่างลื้อ คู่ควรอยู่ในแจกันกระเบื้องเคลือบราคาแพงไม่ใช่หรือบุหงา"
       

       เว่ยชิงเอ่ยชม บุหงายิ้มมุมปาก รู้กันว่าต่อจากนี้จะทำอะไร


       บุหงา มีสีหน้ามั่นใจในความงามที่จะจับเจ้าสัวแสนอยู่หมัด
       
       "เป็นดอกไม้ของเจ้าสัว เงินทอง อำนาจ วาสนา"
       บุหงาแง้มประตูเปิดออก
       ภายในห้อง เจ้าสัวมองตรงมา บุหงาทำเป็นเขินเอียงอาย ราวกับไม่เคยอย่างนั้น
       "ท่านเจ้าสัว บุหงาขออนุญาตเจ้าค่ะ"
       เจ้าสัวลุกขึ้นมา เดินมารับไปที่โต๊ะนั่งทันที บุหงาลอบยิ้ม นึกถึงที่เว่ยชิงกำชับ
       
       เว่ยชิงเสี้ยมสอนบุหงา
       "เรื่องมารยา อั๊วคงไม่ต้องสอนลื้ออีกแล้ว ทำให้เจ้าสัวลุ่มหลงลื้อให้ได้ละกัน"
       "แล้วหลังจากนั้น เงินทองมากมายจะเป็นของอั๊ว"
       "ผู้หญิงหยำฉ่า หากไม่ตะกายหาหลักเกาะบั้นปลายชีวิตก็จะจบที่ตรอกขี้ยาแถวไหนสักแห่ง มีโรครุม ขนาดหมายังไม่แล ชีวิตลื้อเลือกได้ ใช้ความสวยให้เป็นประโยชน์สิ"
       บุหงาพยักหน้า
       
       ในหอเดือนฉาย บุหงากรีดกราย ทำเป็นเขินอายทั้งที่มั่นใจในความสวยของตนเต็มที่ มือไม้สั่น จะรินเหล้าให้เจ้าสัว
       "บุหงา...เอ้อ บุหงาไม่นึกว่าท่านเจ้าสัวปรารถนาสุราที่บุหงารินถึงเพียงนี้"
       เจ้าสัวจับมือที่สั่นเทาของบุหงาไว้ แล้วปลอบโยน
       "ไม่ต้องเกรงข้า ข้าจะไม่ทำให้ผกากลีบนี้ต้องบอบช้ำ"
       เจ้าสัวดึงมือบุหงาไปดม บุหงาเขินสะท้าน ชักมือกลับ หันหลังหนี แต่ลอบยิ้มในมารยา
       "ท่านเจ้าสัวพูดเยี่ยงนี้ หมายความว่ากระไรเจ้าคะ บุหงาไม่เข้าใจ"
       "หันหลังให้ข้าเยี่ยงนั้น แล้วเจ้าจะฟังชัดได้เช่นใด"
       บุหงารู้ทันว่า เจ้าสัวเขยิบตัวเข้ามาใกล้จากด้านหลัง เธอทำเป็นหันมา ใบหน้าชนเข้ากับจมูกของเจ้าสัวที่เคลื่อนมาใกล้พอดี
       "อุ๊ย ท่านเจ้าสัว"
       "สมแล้วที่เจ้าชื่อบุหงา"
       "ทำไมหรือเจ้าคะ"
       "กลิ่นของเจ้า ช่าง...ช่าง"
       "ช่าง...ช่างทำไมเจ้าคะ"
       "ข้าไม่ได้กลิ่นเจ้าแล้ว"
       บุหงารู้ทัน ทำเป็นเขยิบมาใกล้เจ้าสัวอีกนิด หน้าซื่อตาใส
       "เมื่อกี๊ ท่านว่ากลิ่นของบุหงา ช่าง...เอ้อ ทำไมนะเจ้าคะ"
       เจ้าสัวไม่รั้งรอต่อไป สูดกลิ่นพวงแก้มบุหงา มือกอดตัวบุหงาเข้ามา
       "ช่างหอมยวนใจข้าน่ะสิ"
       "อุ๊ย ท่านเจ้าสัว บุหงา เอ้อ...อย่า"
       "บุหงา เจ้ารังเกียจข้ารึ"
       "มิได้เจ้าค่ะ บุหงาเพียงแต่ตั้งใจว่า หากท่านยินดีจะชื่นชม บุหงาก็พร้อมจะปรนนิบัติท่านเจ้าสัวให้สมความเมตตาที่ท่านจะมีให้บุหงา"
       "พูดได้ดี ข้าจะเมตตาเจ้ามากๆ เจ้าปรารถนาสิ่งใดจากนี้ขอให้บอกข้า"
       "บุหงาปรารถนาเพียงความจริงใจจากท่านเท่านั้น"
       บุหงาเงยหน้าขึ้นมองสบตา เจ้าสัวแสนก้มลงจรดริมฝีปากจูบบุหงา มือบุหงาที่เคลื่อนกอดรัดเจ้าสัว
       แล้วเวลาเพียงชั่วครู่ ผ้าตกลงที่พื้นของทั้งคู่ก็ตกลงพื้น เงาของสองคนซ้อนร่างกันและกันอยู่หลังม่านคลุมเตียงที่ไหวเพยิบตามแรงลม
       
       แสงบางๆส่องม่านคลุมเตียงเข้ามา ในห้องสีหม่นมัว พวงแก้วตะแคงมองลูกชายที่หลับอยู่ข้างกาย เธอหน้านิ่ง เจ็บปวดหัวใจที่เจ้าสัวแสนไม่กลับบ้าน
       
       วันใหม่ พวงแก้วอุ้มลูกให้นมอยู่ เจ้าสัวแสนเดินขึ้นเรือนมา สีหน้าดูเบิกบานใจ แต่พอเห็นหน้าแก้วกับลูกก็เปลี่ยนสีหน้าในทันที เธอน้อยใจเจ้าสัวที่กลับมาตอนเช้า
       "เช้านี้มีอะไรให้กินบ้างแม่แก้ว"
       "ข้าเตรียมอาหารรสเลิศทั้งนั้นคะท่านเจ้าสัว พวกคาวๆก็มี ยำหอยดอง ผัดผงกะหรี่ ผัดผักซ่อนชู้ ส่วนของหวานก็มี ช็อกการี"
       "แม่แก้ว"
       "อ่อ !ดิฉันออกเสียงคำฝรั่งเพี้ยนไปรึคะ ช็อคโกแลต หรือว่า ช็อกการี"
       "อย่าเอาศัพท์แสงฝรั่งดั้งของที่หล่อนเคยเรียนมาประชดประเทียบข้า"
       "แล้วเมื่อคืนท่านเจ้าสัวไปไหนมาล่ะเจ้าคะ"
       "ข้าจะไปไหนก็เรื่องของข้า หล่อนมีหน้าที่ดูแลลูกก็ทำให้มันดีเถอะ ลูกของหล่อน หล่อนก็เลี้ยงให้ดี"
       "ท่านเจ้าสัว !ยังไงตากล้าก็เป็นลูกชายท่านนะเจ้าคะ"
       "ลูกชายคนโต ที่ข้าหวังจะให้สืบทอดวงศ์ตระกูล แต่กลับมีดวงชะตาพาตกต่ำอย่างนั้นหรือ"
       "ดวงก็ส่วนดวง ชะตาก็ส่วนชะตา โตขึ้นมาเปลี่ยนกันได้ ลูกกล้าไม่มีความผิด ท่านเจ้าสัวจะตั้งแง่แล้วพาลพาโลออกไปสำราญนอกบ้านแบบนี้ไม่ได้"
       "แม่แก้ว"
       เจ้าสัวเงื้อมือ เอื้อยปราดเข้ามาขวางไว้ เจ้าสัวตบหน้าลงที่เอื้อยแทน พวงแก้วตกใจ
       "ท่าน..นี่ท่านจะตบอีชั้นหรือ"
       "เห็นแล้วใช่ไหม ถ้าหล่อนไม่หุบปาก หล่อนจะโดนอะไร ในใต้หล้าแห่งนี้ข้าเป็นใหญ่ที่สุด หล่อนเป็นแค่เมีย อยู่อย่างเจียมชะตาของหล่อนกับลูกไปเถอะ"
       เจ้าสัวเดินตึงตังปราดผ่านแก้วพวงไป เธอเสียใจ ที่ได้กลิ่นน้ำอบหอมฟุ้ง เธอรีบจับชายเสื้อเจ้าสัวไว้แล้วมองหน้า เจ้าสัวกระชากมือออกแล้วเดินเข้าห้องไป พวงแก้วรำพึงกับตนเอง
       "กลิ่นน้ำอบจีน"
       พวงแก้วทั้งเจ็บปวดและเจ็บใจ
       
       มุมหนึ่งของบ้าน อ่ำกระอักกระอ่วนใจ เหลือบมองหน้า เจ้านายหญิงที่นั่งนิ่ง หน้าเขม็งตึง ด้วยมีแผนการบางอย่างในใจ
       "มันจะดีเหรอพี่ เกิดท่านเจ้าสัวรู้เข้า" อ่ำว่ากับเอื้อย
       "เอ็งไม่กล้ารึ ไอ้อ่ำ"
       อ่ำอึกอัก เหลือบมองเอื้อยผู้เป็นพี่ให้ช่วยทัดทาน เอื้อยจึงหันไปพูดกับแก้ว
       "คุณแก้วจะให้ไอ้อ่ำไปสืบว่าท่านเจ้าสัวไปค้างอ้างแรมที่ไหนเมื่อคืน มันจะได้อะไรขึ้นมาล่ะเจ้าคะ"
       "จะได้รู้ไงล่ะ เจ้าคุณพ่อเจ้าคุณแม่ของฉันมีหน้ามีตาในพระนคร ฉันเป็นเมียแต่ง เป็นเมียเอก ท่านเจ้าสัวควรให้เกียรติฉันบ้าง ฉันต้องรู้ให้ได้ จะได้จัดการไม่ให้มีซ้ำสอง"
       "คุณแก้วเจ้าคะ เมื่อรู้แล้วจะทำอะไรได้"
       "จัดการยังไงหล่ะ"
       พวงแก้วนิ่ง เย็นใจ หันไปบอกอ่ำ
       "รีบไปสืบมาไอ้อ่ำ เมื่อคืน ท่านเจ้าสัวไปค้างยังที่แห่งใด"

       พวงแก้วยิ้มมุมปาก แววตามุ่งมั่น


        เจ้าสัวที่เปลี่ยนชุดแล้วกำลังออกไปทำงานด้วยอารมณ์หงุดหงิด ขึ้นรถลากไป แก้วกับเอื้อยเดินตามออกมาดู แล้วสั่งอ่ำให้รีบตามเจ้าสัวไป อ่ำไหว้รับคำแล้วรีบแอบตามไปทันทีว่า วันนี้ เจ้าสัวจะออกไปยุ่งกับหญิงอื่นจริงอีกหรือเปล่า
       
       เจ้าสัวแสนเดินเข้าร้าน เว่ยชิงออกมาต้อนรับขับสู้เอาอกเอาใจ อ่ำแอบเข้าไป
       "อุ๊ยตาย ท่านเจ้าสัว เพิ่งออกไปตอนเช้ากลับเข้ามาอีกแต่หัววันนะคะ"
       "กิจการเจ้าจะได้เจริญรุ่งเรือง ไม่ดีรึ"
       "ดีสิคะท่านเจ้าสัว ถ้าหากได้ท่านเป็นผู้อุปการะ พวกเราเหล่าดอกไม้แห่งหอจันทร์ฉายก็คงสบายแน่ๆ"
       เว่ยชิงรีบพาเจ้าสัวเข้าด้านใน มุมหนึ่ง อ่ำแอบมองอยู่ตลอดเวลา
       
       เวลาต่อมา แก้วรู้เรื่องทั้งหมดแล้วจากที่อ่ำรายงาน
       "หอจันทร์ฉาย"
       อ่ำพยักหน้าอย่างกริ่งเกรง ไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นอีก แก้วยื่นถุงผ้าใส่อัฐให้
       "แล้วตอนนี้เจ้าสัวยังอยู่ที่นั่นรึเปล่า"
       "ท่านเจ้าสัวอยู่ในหอจันทร์ฉายราวสองหม้อข้าวเดือด บัดนี้ท่านเจ้าสัวออกจากหอจันทร์ฉายไปที่โกดังสินค้าริมเจ้าพระยาแล้วขอรับ"
       "เอ็งแน่ใจนะไอ้อ่ำ ว่าเจ้าสัวออกไปจากสำนักนางโลมนั่นแล้ว"
       "ขอรับ เพราะบ่าวตามท่านเจ้าสัวจากหอจันทร์ฉายกลับไปยังโกดังด้วยตนเอง แสร้งอยู่ทำงานให้ท่านเจ้าสัวเห็นหน้า แล้วจึงลอบกลับมารายงานคุณแก้วขอรับ"
       "ดี ! หอจันทร์ฉาย"
       พวงแก้วมีสีหน้าเจ็บใจ อ่ำรู้สึกหวาดหวั่นขึ้นมา
       
       ในโรงน้ำชา บุหงากรีดกรายดูสร้อยเส้นเล็กด้วยความสุขสม
       "ท่านเจ้าสัวมอบให้ข้า ดูสิ คนงามอย่างข้า ย่อมคู่ควรกับอัญมณีเหล่านี้"
       นางโลม   1บอก
       "น่าอิจฉาบุหงา ลื้อทำยังไงถึงมัดใจท่านเจ้าสัวได้"
       "นี่ๆ พวกลื้อก็งัดวิชามารยาหญิงที่ข้าสอนมาใช้ ผู้ชายน่ะโง่ ไม่ชอบผู้หญิงฉลาด ฉะนั้น พวกหล่อนจงฉลาดแล้วแกล้งโง่ หัดออเซาะฉอเลาะพูดจาหวานหู แบบนี้ผู้ชายที่ไหนก็ติดใจ" เว่ยชิงบอก
       " พวกลื้อคงต้องฝึกอีกนาน ข้าน่ะ ลีลาไม่เป็นรองใครนะ จะบอกให้ นางโลมบุหงา สอนข้าบ้างสิ"
       นางโลมกรูกันไปคุยกับบุหงา ดูสร้อยที่บุหงาใส่อวด พูดกันเจี๊ยวจ๊าวเรื่องความงาม
       พลันมีเสียงโครมครามดังลั่น
       "แอร๊ย..."
       ฝาประตูสำนักนางโลมพังโครมเข้ามา เก้าอี้ปลิวไปกระแทกโต๊ะในร้าน เหล่านางโลมกรีดร้องดัง
       "อ๊าย !!พวกลื้อเป็นใคร" เว่ยชิงถาม
       กลุ่มชายฉกรรจ์ 5 คน คลุมผ้าปิดหน้า เข้ามาในร้าน ทำลายข้าวของ
       "อ๊าย !พวกลื้อ หยุดเดี๋ยวนี้นะ"
       ผัวะ! ชายฉกรรจ์ซัดด้วยหลังมือเข้าหน้า เว่ยชิงถลาไปทางบุหงา
       "เจ๊เว่ยชิง ! ... พวกแก ต้องการอะไร"
       พวงแก้วคลุมผ้า ปิดหน้ามิดชิด เดินเข้ามา มาดองอาจราวนางพญา เอื้อย ปิดหน้าคลุมผ้ามิดชิดเดินประกบตามหลัง ท่าทางกลัวๆ
       "หญิงนางโลม ! ของชั้นต่ำ มารวมกันอยู่ที่นี่เองเรอะ"
       "อั๊ยยะ !!แกเป็นใคร"
       เว่ยชิงลุกขึ้น
       แก้วเดินเข้ามาตบฉาด เว่ยชิงหน้าหัน คว่ำไปอีก หญิงนางโลมจะวิ่งหนี
       "จับตัวพวกมันไว้ ข้าจะให้บทเรียนกับมัน"
       นางโลมกรี๊ดกร๊าด ชายฉกรรจ์จับเหล่านางคณิกาไว้ได้ แก้วเดินไปตบเรียงตัว
       "นังหญิงสำส่อน พวกหล่อนเป็นมารสังคม ทำลายครอบครัวผู้อื่น"
       "ผู้หญิงอย่างพวกอั๊วปรนเปรอผู้ชายอยู่หมัด แต่ไม่เคยไประรานคนอื่นโว๊ย"
       แก้วเดินมาตบเว่ยชิงซ้ายขวาๆๆ จนเลือดกลบปาก
       "เจ๊ !"
       บุหงาจะถลามาช่วยเว่ยชิง แต่เจออ่ำจับไว้
       "อุ๊ยตาย ช็อกการี มีน้ำใจ ห่วงใยสวะพวกเดียวกันเหรอเนี่ย"
       "ถุย ! ลื้อคงเป็นพวกเมียเก่าเหลาเหย่ ผัวไม่เอาแน่ๆ ถึงมาทำสันดานแบบนี้" บุหงาบอก
       แก้วเลือดขึ้นหน้า ปราดเข้ามาบีบคอบุหงา พอก้มหน้าลงใกล้ พลันได้กลิ่นน้ำอบจีน
       "กลิ่นน้ำอบจีน"
       กลิ่นเดียวกับที่ติดกายเจ้าสัวแสนเมื่อเช้านี้ พวงแก้วจ้องหน้า บีบคอบุหงาแน่น
       "หล่อน"
       "อ๊ากก !"
       พวงแก้วลากตัวบุหงาขึ้นมา แล้วยันติดผนัง อีกมือกระชากมีดพร้าจากอ่ำมา จ่อหน้าบุหงา
       "หล่อนใช้น้ำอบ"
       แก้วจรดมีดลงที่แก้มบุหงา บุหงาตาเหลือก ตกใจ
       "หล่อนนอนกับใครมาบ้าง !"
       

       พวงแก้วและบุหงาจ้องตากัน มีดพร้าจรดอยู่ที่แก้มบุหงา ใกล้เลือดจะไหลซิบอยู่แล้ว


อ่านต่อ . . . 


Ref :
 

Share this article :

แสดงความคิดเห็น

 
Support : Creating Website | Johny Template | Mas Template
Copyright © 2011. LakornDD - All Rights Reserved
Template Created by Creating Website Published by Mas Template
Proudly powered by Blogger